“ประยุทธ์” เริ่มนั่งเก้าอี้นายกฯ ลุ้นงานใหญ่ปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ!!

ผ่าประเด็นร้อน

การแถลงของทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อวันอังคารที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา มีการระบุเปรียบเทียบให้เห็นว่าเป็นการประชุมคณะรัฐมนตรีแบบเต็มคณะเป็นครั้งแรก โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธาน และมีคณะ คสช.จำนวน 14 คนเข้าร่วม โดยในวันดังกล่าวมีแถลงผลการประชุมเป็นการประชุม คสช.ครั้งที่ 1/2557

แต่ที่พิเศษแตกต่างไปจากเดิมก็คือ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี อำพน กิตติอำพน ถูกนั่งประกบคู่โดยเลขาธิการ คสช. พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ซึ่งทั้งคู่เปรียบเหมือนเป็นเลขาธิการคณะรัฐมนตรี โดยคนหลังอาจมีลักษณะโดดเด่นมีอำนาจควบคุมในขอบข่ายกว้างขวางกว่า มีอำนาจมากกว่า

การประชุมคณะรัฐมนตรีที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธานครั้งนี้ถือว่ามีความหมาย ทั้งในเรื่องการขับเคลื่อนด้านเศรษฐกิจ มีการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณปี 57 ที่ค้างท่ออยู่ รวมทั้งเร่งรัดการจัดทำงบประมาณปี 58 ให้ทันวันที่ 1 ตุลาคม โดยมีการเห็นชอบปฏิทินการจัดทำงบประมาณกันไปแล้ว

ขณะเดียวกันยังมีความหมายในด้านสัญลักษณ์ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สั่งการในฐานะนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการครั้งแรก

แม้ว่าในการประชุมครั้งนี้จะมีวาระสำคัญอื่นๆ มากมาย แต่จะพิจารณาเน้นเฉพาะการปรับปรุงองค์กรรัฐวิสาหกิจ ที่เห็นเฉพาะหน้าก่อนก็คือการยกเลิกสิทธิประโยชน์ที่ไม่ควรได้ของบอร์ดการบินไทย เริ่มจากการยกเลิกตั๋วเครื่องบินฟรี หากพิจารณาจากตัวเงินเมื่อเปรียบเทียบการรั่วไหลอื่นๆ อาจมีจำนวนเล็กน้อย แต่มีความหมายในเรื่องของเจตนาที่จะปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารงาน รวมไปถึงการรื้อโครงสร้างกันใหม่มากกว่า

โดยที่ประชุมมอบหมายให้ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองหัวหน้า คสช.ในฐานะหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ ไปพิจารณาแล้วนำมาเสนอที่ประชุมในคราวหน้าอีกครั้ง

ที่น่าจับตาก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เน้นในเรื่องปรับปรุงประสิทธิภาพของรัฐวิสาหกิจทั้งหลาย โดยเริ่มพิจารณาในสิ่งทำได้ก่อนนั่นคือเรื่องของสิทธิประโยชน์ โดยเฉพาะสิทธิประโยชน์ที่ไม่ควรได้ ซึ่งมีการยกเลิกตั๋วเครื่องบินฟรีสำหรับบอร์ดของการบินไทยเป็นอันดับแรก

เชื่อว่าการเข้ามารื้อรัฐวิสาหกิจทั้งหลายย่อมตรงใจตรงความต้องการของประชาชนอย่างแน่นอน ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวว่าจะต้องดำเนินการให้เกิดความเป็นธรรมและสังคมยอมรับได้ โดยเฉพาะเรื่องสิทธิประโยชน์ นั่นเท่ากับว่าเขาเข้าใจความรู้สึกของประชาชนที่มีต่อรัฐวิสาหกิจว่าต้องมีการปรับปรุงกันอย่างขนานใหญ่

ปัญหารัฐวิสาหกิจของไทยได้กระทบความรู้สึกคนไทยมานานแล้ว รับรู้กันว่าเป็นแหล่งเกาะกิน ทำมาหากินของนักการเมืองมาช้านาน เป็นแหล่งตอบแทนผลประโยชน์ให้กับพวกพ้องของนักการเมืองอยู่ตลอดเวลา ที่สำคัญเป็นแหล่งทุจริตคอรัปชันกอบโกย จนบางแห่งมีสถานะขาดทุนเป็นภาระด้านงบประมาณมหาศาลทุกปี

นี่ไม่ต้องพูดถึงรัฐวิสาหกิจสำคัญอย่าง ปตท. และ การบินไทย ที่เพิ่งถูกพิจารณาตัดสิทธิประโยชน์บางอย่างที่ไม่ควรได้นำร่องไปก่อน เชื่อว่าอีกไม่นานข้างจะต้องมีการปรับโครงสร้างกันครั้งใหญ่แน่ เนื่องจากกำลังถดถอยอย่างรุนแรง กำลังเข้าสู่ภาวะการขาดทุนหนักข้อขึ้นทุกวัน เป็นแหล่งเกาะกินของนักการเมืองมาตลอด

สำหรับวาระสำคัญที่ต้องจับตากันอย่างเข้มงวดก็คือ การปรับโครงสร้างของ ปตท.ว่าจะออกมาอย่างไร จะกล้ารื้อกันอย่างขนานใหญ่หรือไม่ เพราะมันเกี่ยวข้องกับนโยบายด้านพลังงานที่เป็นหนึ่งในวาระสำคัญของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ได้ประกาศให้สัญญาประชาคมเอาไว้แล้ว และที่ผ่านมาเขาก็นั่งเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติไปแล้ว นั่นหมายความว่าเขาต้องการคุมเกมด้านพลังงานด้วยตัวเอง เพียงแต่ว่าตอนนี้ยังไม่เห็นแนวทางที่ชัดเจน ยังต้องรอรายละเอียดอีกครั้งว่าจะเป็นไปได้แค่ไหน เพราะเรื่องของพลังงานและ ปตท.เป็นเรื่องใหญ่เป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งคงไม่ใช่แค่การลดราคาน้ำมันและแก๊สเพียงชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น เพราะสิ่งที่ชาวบ้านต้องการก็คือให้เลิกเอาเปรียบ ใช้ราคาพลังงานอย่างเป็นธรรม

อย่างไรก็ดี เมื่อเห็นความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นดังกล่าวระหว่างการประชุม ครม.ครั้งแรกโดย คสช. ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำให้เริ่มได้ลุ้นกันแล้วว่าจะต้องมีการรื้อโครงสร้างรัฐวิสาหกิจกันอย่างขนานใหญ่ และทำให้อยากรู้โดยเร็วรัฐวิสาหกิจสำคัญทั้งการบินไทย และ ปตท.จะออกมาในรูปไหนกันแน่ อีกไม่นานน่าจะได้เห็นกันแล้ว!!