xs
xsm
sm
md
lg

รื้อบอร์ด-สัญญาณเปลี่ยนแปลงใน ปตท.ต้องเกิดขึ้น!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ปรานปรีย์ พหิทธานุกร
ผ่าประเด็นร้อน

เริ่มมีการเคลื่อนไหวบางอย่างในรัฐวิสาหกิจสำคัญบางแห่ง เริ่มจาก “การบินไทย” ที่มีการสั่งตัดสิทธิประโยชน์ที่ไม่สมควรได้ของบอร์ดบริหาร แม้ว่ายังไม่มีการเปลี่ยนแปลงตัวบุคคลหรือยังไม่มีใครยื่นใบลาออก แต่ก็เริ่มมีนัยออกมาให้เห็นบ้างแล้ว ถัดมาก็เป็น “การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย” ที่ตัวประธานบอร์ดคือ น.ต.ศิธา ธิวารี พร้อมด้วยกรรมการอีกบางคนที่อยู่ในกลุ่มใบสั่งนักการเมือง และพรรคเพื่อไทยได้ลาออกพร้อมกัน หรือแม้กระทั่งผู้อำนวยการกองสลาก อย่าง พล.ต.ต.อรรถกฤษณ์ ธารีฉัตร ก็ได้ยื่นใบลาออกแล้ว คนพวกนี้หากพูดกันแบบตรงไปตรงมาไม่ไว้หน้าก็ต้องบอกว่า นี่คือ “ขี้ข้า” ขนานแท้ของ ทักษิณ ชินวัตร เข้ามาเพราะแรงผลักดันเข้ามาหลังจากที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล

ล่าสุด ปรานปรีย์ พหิทธานุกร ก็ได้ยื่นใบลาออกจากประธานบอร์ด ปตท.แล้ว โดยอ้างว่าเพื่อความสะดวกในการปฏิรูปองค์กรตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

สำหรับความเคลื่อนไหวในบริษัท ปตท.ถือว่าน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ทั้งตัวบุคคล และแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงในวันข้างหน้า เนื่องจากรัฐวิสาหกิจแห่งนี้ดำเนินธุรกิจขนาดใหญ่ ในด้านพลังงานที่มีรายได้และผลกำไรมหาศาล มีผลกระทบกับความเป็นอยู่ของคนไทยทั้งประเทศ ที่สำคัญยังเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติอีกด้วย ซึ่งที่ผ่านมาในแต่ละปีนอกจากมีรายได้มหาศาลแล้ว ยังมีผลกำไรมหาศาลอีกด้วย โดยมีผลกำไรกว่าแสนล้านบาท และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี

แน่นอนว่าการลาออกของ ปรานปรีย์ พหิทธานุกร ย่อมน่าสนใจ เพราะตัวเขาถือว่าเป็นสายตรงแบบคนใกล้ชิดรู้ใจ ทั้ง ทักษิณ ชินวัตร และ พจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภรรยาของทักษิณ และเมื่อองค์กรรัฐวิสาหกิจดังกล่าวมีความสำคัญ มีรายได้และผลกำไรมหาศาล ก็เป็นเรื่องปกติที่ต้องส่งคนที่ไว้ใจได้มาดูแล ซึ่งก่อนที่จะส่งปรานปรีย์ก็เป็น วิเชษฐ์ เกษมทองศรี ก่อนถูกดึงไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

ขณะเดียวกัน เมื่อส่งคนมาคุม ปตท.แล้วก็ต้องให้ครบวงจร นั่นคือต้องมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นต้น ตัวรัฐมนตรีก็คือ “เพ้ง-พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล” แค่ชื่อก็รู้ไส้ไม่ต้องอธิบายให้เสียเวลา

อย่างไรก็ดี เมื่อพูดถึง ปตท.ก็ต้องพูดถึงผลประโยชน์ที่เชื่อกันว่าเป็นแหล่งผลประโยชน์ของกลุ่มทุนทั้งในและนอกประเทศ หรือร่วมมือซึ่งกันและกัน โดยใช้ช่องทางการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์หลังจากมีการแปรรูป หรือพูดง่ายๆ ก็คือ หลังจากมีการแปรรูปหรือขาย จากรัฐวิสาหกิจของรัฐร้อยเปอร์เซ็นต์ก็แบ่งมาให้เอกชน นักลงทุนทั้งในคราบนักการเมือง ฝรั่งหัวทองและหัวดำเข้ามาร่วมเป็นเจ้าของแบ่งปันกำไรอีกร้อยละ 49 โดยอ้างว่า ปตท.ยังเป็นของรัฐ มีรัฐถือหุ้นใหญ่ถึงร้อยละ 51 แต่คำถามคือ แล้วทำไมต้องแบ่งอีกร้อยละ 49 ไปให้เอกชนมาเอาเปรียบคนไทย ใช้อภิสิทธิ์ในการหาผลประโยชน์จากความเป็นรัฐวิสาหกิจของรัฐ แทนที่จะเป็นของรัฐของคนไทยทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์

การขายหรือแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ปตท.ในรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าขายสมบัติชาติไปให้เอกชน โดยมีการขายหุ้นราคาถูกให้กับกลุ่มทุนการเมืองที่ใกล้ชิด ในกลุ่มเครือญาติ มีการล็อกหุ้นเอาไว้ล่วงหน้า เพราะเพียงแค่เปิดให้จองก็หมดภายในไม่กี่วินาที ชาวบ้านทั่วไปหมดสิทธิ์ และแม้ว่าในจำนวนรายชื่อและนามสกุลไม่ปรากฏนามสกุล ชินวัตร หรือคนในครอบครัวของ ทักษิณ ชินวัตร แต่ก็ยังเชื่อว่า ต้องมีนอมินี หรืออยู่ในกลุ่มกองทุนข้ามชาติเข้ามาถือแทน เพราะด้วยนิสัยของ เขาไม่มีทางที่คิดทำอะไรโดยไม่มีผลกำไรหรือผลประโยชน์ตามมา ขนาดเลี่ยงภาษี ซุกหุ้น มีลูกก็โกงข้อสอบ ใช้ตำแหน่งนายกฯให้เมียซื้อที่ดินราคาถูก ทำสารพัดที่ซิกแซกฉ้อโกง แล้วมีหรือเรื่องแบบนี้เขาจะไม่เกี่ยว

ดังนั้นสรุปก็คือ เชื่อว่า ทักษิณ ชินวัตร ต้องเกี่ยวข้องกับ ปตท.แน่นอน!!

ดังนั้นเมื่อคนของทักษิณ ชินวัตร อย่าง ปรานปรีย์ พหิทธานุกร ลาออกจากประธานบอร์ด ปตท. มันก็ย่อมน่าจับตา โดยเฉพาะเมื่อไปโยงกับคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.ที่ยืนยันว่าต้องปรับโครงสร้างด้านพลังงานกันขนานใหญ่ให้เกิดความเป็นธรรม และมอบหมายให้รองหัวหน้า คสช.ฝ่ายเศรษฐกิจ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ไประดมความเห็นจากทุกฝ่ายเพื่อหาข้อสรุปในเบื้องต้นในอีกวันสองนี้ ก่อนส่งให้ชี้ขาดต่อไป

นาทีนี้ก็ต้องบอกว่าการปรับโครงสร้างด้านพลังงานกำลังถูกจับตามองจากสังคมว่าจะออกมาแบบไหน จะรื้อโครงสร้างใหม่ มีการกำหนดราคาพลังงาน ทั้งน้ำมันและแก๊สอย่างเป็นธรรมหรือไม่ หรือทำเพียงแค่เปลี่ยนบอร์ดใหม่ ส่งคนใกล้ชิดของตัวเองเข้าไปสวมแทนคนของระบอบทักษิณ ทำนองสมบัติผลัดกันชม ท่าดีทีเหลว อีกไม่นานก็เห็นกัน!!
ทักษิณ ชินวัตร
กำลังโหลดความคิดเห็น