xs
xsm
sm
md
lg

แฉกลุ่มทุนพลังงานแทรกซึม กปปส.(ตอนที่ 3) ปาหี่เสวนาลับ เกมชิงนำปฏิรูปพลังงานภาคประชาชน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ถ่ายรูปคู่กับนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทร์ อดีตรัฐมนตรีพลังงานและนางอานิก อัมระนันทร์ ผู้มีแนวคิดไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงระบบสัมปทานมาเป็นระบบแบ่งปันผลประโยชน์ซึ่งยังคงวนเวียนอยู่บริเวณหลังเวทีกปปส.เกือบทุกวัน
อาจกล่าวได้ว่านาทีนี้ คณะกรรมการประชาชนเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส.กำลังถูกกระแสของประชาชนไล่จี้ในประเด็นปฏิรูปพลังงาน เนื่องจากหากเกิดขึ้นจริงจะเป็นประโยชน์ต่อปากท้องของประชาชนโดยทางตรงทุกคนในประเทศ

เพราะเป็นหนทางเดียวที่คนไทยไม่ต้องมาเดือดร้อนจากราคาพลังงานที่แพงจนดันให้ค่าครองชีพทุกอย่างสูงขึ้นไปด้วย และประชาชนคงไม่ต้องมานั่งเรียกร้องเรื่องการปฏิรูปพลังงานกันอยู่อย่างทุกวันนี้ จึงเป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าการปฏิรูปพลังงานถือเป็นหัวใจสำคัญของการปฏิรูปประเทศอย่างแรกๆ ที่ กปปส.ควรจะเดินหน้าอย่างเต็มสูบเพื่อประชาชนทุกหมู่เหล่าโดยเร็วที่สุด

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าเรื่องพลังงานมีผลประโยชน์มากมายที่ทับซ้อนเกี่ยวข้องกันหลายฝ่ายการปฏิรูปพลังงานจึงไม่ใช่เรื่องง่ายและควรจะมีการระดมความคิดเห็นกันทุกภาคส่วนเพื่อหาทางออกในการปฏิรูปพลังงาน ขณะเดียวกันหากโฟกัสที่ไปแนวทางการปฏิรูปพลังงานของ กปปส.ก็ยิ่งก่อให้เกิดคำถามตามมาอีกมากมายอีกเช่นกันว่า กำลังเดินมาถูกทางและโปร่งใสแล้วหรือไม่เช่นกัน

ทั้งนี้ เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา บุคคลสำคัญในเวที กปปส.ได้มีการประชุมด้านพลังงานอย่างลับๆ ที่สปอร์ตคลับ ห้องสจ๊วตบอกซ์ โดยการประชุมวันนั้นมี นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ อดีต รมว.พลังงาน เป็นประธาน มีนางอานิก อัมระนันทน์ นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นายกษิต ภิรมย์ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ และนายมนูญ ศิริวรรณ คนของ ปตท.และกระทรวงพลังงาน ฯลฯ

การประชุมลับครั้งนี้ยังอาจเกิดคำถามที่น่าฉงนอีกเช่นเคย เนื่องจากไม่ได้มีการเชิญบุคคลจากภาคประชาชน อาทิ น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กรุงเทพฯ, ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี อนุกรรมาธิการเสริมสร้างธรรมาภิบาลด้านพลังงาน วุฒิสภา และนายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เข้าร่วมประชุมด้วย

แต่ในทางกลับกับการประชุมลับเรื่องพลังงานครั้งที่ 2 ของคณะบุคคลของ กปปส.มาในครั้งนี้น่าสนใจตรงที่ว่าได้มีการแอบเชิญนักวิชาการและสมาชิกวุฒิสภาบางกลุ่มเข้าไปประชุม

ตามข้อมูลบนเฟซบุ๊กของ นางอานิก อัมระนันทน์ ได้ระบุว่ามีการเทียบเชิญ นายบุญชัย โชควัฒนา สมาชิกวุฒิสภา น้องชายของนายณรงค์ โชควัฒนา นักธุรกิจและนักวิชาการอิสระ ไปประชุมครั้งนี้ด้วย โดยทางนายบุญชัย ได้ยืนยันกับการเชิญชวนว่าตัวเองไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานมากนัก ประกอบกับมีความรู้ไม่มากเลยจะขอชวนพี่ชายคือ นายณรงค์ โชควัฒนา เข้าประชุมด้วย

ผลปรากฏว่าทางคณะ กปปส.ไม่ยินยอมตกลงในทีแรก เหมือนกับว่าต้องการจะให้การประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมลับ เพียงไม่กี่คนในกลุ่มตนเองเท่านั้น ซึ่งปราฏว่าที่สุดแล้ว คณะ กปปส.จึงเสมือนจำใจว่าต้องเชิญทั้งสองพี่น้องให้มาร่วมประชุมแบบเสียมิได้

ไฮไลต์มีอยู่ช่วงหนึ่งคือเหตุการณ์ที่ นายณรงค์ โชควัฒนา ได้ลุกขึ้นโต้ข้อมูลของนายปิยสวัสดิ์ กลางที่ประชุมจนนายปิยสวัสดิ์ ถึงกับทนไม่ได้ระบุว่าจะฟ้องร้องนายณรงค์กลับ โดยนายณรงค์ได้กล่าวถึงการแก้ไข พ.ร.บ.ปิโตรเลียม ฉบับที่ 6 พ.ศ.2550 เรื่อง การจำกัดปริมาณแปลงและพื้นที่สัมปทานปิโตรเลียม โดยหัวใจของมาตรานี้คือการจำกัดแปลงและจำกัดพื้นที่ของผู้รับสัมปทานเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการผูกขาดการผลิตปิโตรเลียมจากแผ่นดินไทย ซึ่งหลังการแก้ไขกฎหมายเสร็จสิ้น ปรากฏว่า พบ บริษัท มูบาดาลา ปิโตรเลียม และ บริษัท เชฟรอน จำกัด ได้พื้นที่สัมปทานปิโตรเลียมของไทยไปจำนวนมหาศาล คือเป็นช่วงเวลาที่นายปิยสวัสดิ์ นั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานใน ครม.ขิงแก่อยู่นั่นเอง

นายณรงค์ ได้พูดถึงความผิดปกติในการต่อสัญญาสัมปทานที่มีเนื้อที่หลายแสนตารางกิโลเมตรให้กับบริษัทต่างชาติ ทำเอานายปิยสวัสดิ์ทนไม่ไหวชี้หน้าว่าจะฟ้องร้องต่อศาลเลยทีเดียว แต่ในทางกลับกันไม่สามารถที่จะโต้แย้งข้อมูลของนายณรงค์ได้เลยแม้แต่นิดเดียว หลังจากนั้นนายปิยสวัสดิ์เกิดความไม่พอใจจึงได้เดินหายไปจากห้องประชุมไปเสียดื้อๆ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า เฟซบุ๊กของนางอานิก อัมระนันทน์ จะระบุว่าเป็นการประชุมส่วนตัวโดยมีการออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมดไม่ได้เป็นการประชุมลับ แต่สาระสำคัญที่จะต้องตั้งคำถามก็คือในการประชุมลับ ยังปรากฏนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เป็นหนึ่งในคณะประชุมด้วย เพราะหากโฟกัสไปที่ตัวนายอรรถวิชช์เขาคือคนเดียวที่ได้ขึ้นไปพูดเรื่องพลังงานบนเวที กปปส.ซึ่งอาจจะเกิดคำถามได้ว่ามีบุคคลกำหนดเจาะจงแค่ให้เพียงนายอรรถวิชช์ ขึ้นไปพูดบนเวที กปปส.ได้เพียงคนเดียวเท่านั้นหรือ

วันต่อมาหลังการประชุมลับ นายอรรถวิชช์ ได้ขึ้นไปพูดเรื่องพลังงานบนเวที กปปส.อีกครั้ง ขณะที่ฉากหน้าบนเวที นายอรรถวิชช์ มิได้หยิบยกประเด็นข้อมูลที่นายณรงค์โต้แย้งในที่ประชุมมาพูดให้ประชาชนได้ฟังบนเวที กปปส.เลย ข้อมูลที่นายอรรถวิชช์ พูดบนเวที กปปส.กลับวนเวียนอยู่กับเรื่องการทวงคืนท่อก๊าซเพียงอย่างเดียว ราวกับว่ารับธงปฏิรูปพลังงานมาจากคณะบุคคลในที่ประชุมลับด้วยหรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมาบุคคลใดที่เห็นแย้งกับข้อมูลของคณะประชุมลับนี้กลับไม่เคยได้ไปเหยียบเวทีของ กปปส.อีกเลย

คำถามที่สำคัญคือ ใครเป็นคนเปิดพื้นที่ให้นายอรรถวิชช์ พูดเรื่องพลังงานในลักษณะที่มีในการจำกัดขอบเขตไม่ให้ก้าวไปแตะถึงต้นน้ำ คือการแก้ไขระบบสัมปทานมา ซึ่งไม่เคยกล่าวถึงระบบแบ่งผันผลประโยชน์อย่างที่ประเทศส่วนใหญ่ใช้กัน และบังเอิญแบบร้ายกาจที่บนเวที กปปส.นายอรรถวิชช์ ไม่เคยกล่าวถึงตรงส่วนนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว

นอกจากนั้นแล้ว เอกสารประกอบการประชุมของคณะบุคคลสำคัญที่ สปอร์ต คลับ ที่เต็มไปด้วยบุคคลสำคัญในพรรคประขาธิปัตย์, กปปส., ปตท., กระทรวงพลังงาน โดยเอกสารในที่ประชุมไม่มีเอกสารฝ่ายต่อต้านหรือตรงข้ามของนายปิยสวัสดิ์เลย มีแต่เอกสารของนาอานิก เพียงคนเดียวเท่านั้น ซึ่งกลับเต็มไปด้วยเอกสารด้านเดียว ที่เหมือนนายอรรถวิชช์ เอาขึ้นไปปราศรัยนั้นยังคงปกป้องระบบสัมปทานเหมือนเอกสารที่แจกในที่ประชุมลับ

ทั้งนี้ ลักษณะท่าทีของนายปิยสวัสดิ์ มักอ้างเสมอว่าไม่อยากโต้ข้อมูลกับคนที่รู้เรื่องในด้านพลังงานน้อย แต่กลับไปปรากฏเป็นประธานการประชุมเรื่องพลังงานลับของ กปปส.ซึ่งพิธีการในการเทียบเชิญบุคคลต่างๆ ก็ยังมีสิ่งน่าพิรุธและไม่จริงใจอยู่ตลอด

ย้อนกลับไปครั้งหนึ่งในช่วงที่กระแสปฏิรูปพลังงานที่ภาคประชาชนได้เรียกร้องเริ่มคืบคลานเข้าสู่เวทีใหญ่ กปปส.ซึ่งต่อมาเกิดเหตุการณ์ที่ไม่น่าเกิดขึ้นก็คือ คนของภาคประชาชนได้ถูกกีดกันไม่ให้ขึ้นเวที กปปส.ซึ่งเรื่องนี้อาจเป็นข้อสงสัยไปถึงกลุ่มทุนพลังงานที่แทรกซึมอยู่ในคณะ กปปส.ว่าเสมือนเป็นตัวคอยกีดกันด้วยหรือไม่

มีเหตุการณ์หนึ่งที่น่าสงสัยก็คือเมื่อประเด็นการปฏิรูปพลังงานถูกจุดติดโดยภาคประชาชนแล้วนั้น กลุ่มทุนพลังงานที่แทรกซึมอยู่เหมือนกับว่ากำลังสูญเสียการควบคุมเรื่องปฏิรูปพลังงานไปจึงได้หาหนทางกระชับอำนาจ กำหนดทิศทางมาสู่กลุ่มตนเองอีกครั้ง

ทางกลุ่มทุนพลังงานจึงเสมือนสร้างเรื่องราวการชิงนำธงปฏิรูปพลังงานจากภาคประชาชน โดยได้มีการเชิญนพ.ระวี มาศฉมาดล กรรมการ กปปส.กองทัพประชาชนฯ และตัวแทนจากสภาปฏิรูปพลังงาน และ ดร.รักไทย บูรพ์ภาค อาจารย์พิเศษวิทยาลัยปิโตรเลียมและปิโตรเคมี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้เข้ามาสู่วาระการปฏิรูปพลังงานตามแนวทางของ กปปส.ซึ่งจะมีนายปิยสวัสดิ์ ร่วมอยู่ด้วยทุกครั้ง

น่าแปลกใจตรงที่ว่า นายปิยสวัสดิ์ กลับกล้าขึ้นเวทีดีเบตเรื่องปฏิรูปพลังงานกับ นพ.ระวี มาศฉมาดล ซึ่งหากเปรียบเทียบเลเวลกับคนของภาคประชาชนอย่าง ม.ล.กรกสิวัฒน์, น.ส.รสนา และ นายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา ถือว่ายังห่างชั้น ยิ่งหากเอ่ยชื่อบุคคลเหล่านี้ขึ้นมาเมื่อใด นายปิยสวัสดิ์เป็นต้องถอยร่นแทบทุกครั้ง หลักฐานครั้งหนึ่งก็คือเวทีเสวนาพลังงานที่หอศิลป์ ที่หม่อมกร จะขอขึ้นเวทีดีเบตกับนายปิยสวัสดิ์ แต่นายปิยสวัสดิ์ กลับไม่กล้าเข้าร่วมเวทีดีเบต ทั้งที่มีประชาชนรอฟังข้อมูลเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ ทำให้ดูเหมือนว่าการเชิญ นพ.ระวี มาเพื่อเป็นการให้นายปิยสวัสดิ์ หักล้างข้อมูลที่ไม่ใช่สายแข็งนักนั่นเอง

ส่วนอีกรายคือ ดร.รักไทย บูรพ์ภาค เหมือนถูกส่งมาสร้างภาพทำให้เหมือนว่ามีผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานอยู่ข้างคณะปฏิรูปของ กปปส.ตามประวัติของ รักไทย เคยทำงานที่ บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ ไทย เทรดดิ้ง ฮับ คอมปานี ลิมิเต็ด โครงสร้างของบริษัทจะพบว่า รักไทย เป็นกรรมการผู้จัดการ

กล่าวคือบริษัทนี้ทำหน้าที่เป็นนายหน้าให้บริษัทต่างชาติมาหาประโยชน์กับแผ่นดินไทยทำทั้งเรื่องพลังงานทั้งหมด สิ่งแวดล้อม ความยั่งยืนพลังงาน พัฒนาด้านต่างๆ รวมถึงเป็นที่ปรึกษา ฯลฯ จากข้อมูลที่ผ่านมาจะพบว่าบริษัท เจเอสเอ็กซ์ฯ ที่รักไทย ไปทำงานเหมือนเป็นนายหน้าพลังงานให้ต่างชาติ ด้านอีไอเอทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนกันมานักต่อนักแล้ว อาทิ การขุดเจาะบ่อน้ำมันที่อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ เจอชาวบ้านยื่นค้านแผนขุดเจาะสำรวจน้ำมัน หรือจะเป็นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ยังเคยถูกชาวบ้านดงมูลคัดค้านการขุดเจาะบ่อน้ำมันดงมูลมาแล้ว

ข้อมูลน่าตกใจอีกอย่างคือ หน้าเว็บไซต์ของบริษัท เอ็นเนอร์ยี่ ไทย เทรดดิ้ง ฮับ คอมปานี ลิมิเต็ด ที่มีข้อมูลการเป็นกรรมการของรักไทยังปรากฏสดๆ ร้อนๆ คือเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2557 ขณะที่ รักไทย ขึ้นเวที กปปส.กับภาคประชาชนเดือนกุมภาพันธ์ แสดงให้เห็นว่า รักไทย ยังอยู่บริษัทนี้แต่ได้ปิดเว็บไซต์ไปแล้ว เหมือนเป็นการอำพรางปิดบังว่าเคยมีประวัติทำงานเป็นนายหน้าให้บริษัทต่างชาติมาเอาเปรียบคนไทย

คงต้องถามไปถึง อานิก อัมระนันทน์ ว่าเป็นการแอบตบหน้าประชาชนหรือไม่ ที่นำเอานักวิชาการที่เคยหากินกับบริษัทพลังงานมาร่วมเวทีปฏิรูปพลังงานของ กปปส.ทั้งที่เคยมีผลประโยชน์กับบริษัทต่างชาติไปขึ้นเวทีได้อย่างไร

นอกจากนั้นยังมีเหตุการณ์น่าสงสัยอีกครั้งหนึ่งมีคนไปชวนนายณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้มาเป็นคณะกรรมการปฏิรูปพลังงานของ กปปส.ที่มีนายปิยสวัสดิ์ เป็นประธาน โดยนายณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ ได้ถามกลับไปว่ามีคนของภาคประชาชน เช่น ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี เข้าร่วมในคณะกรรมการชุดนี้ด้วยหรือไม่ ซึ่งคำตอบคือไม่มี จนทำให้นายณรงค์ตัดสินใจไม่เข้าร่วมคณะกรรมการชุดดังกล่าว ทั้งนี้ คณะกรรมการชุดดังกล่าวก็ยังคงปราศจากคนจากภาคประชาชนเหมือนเดิม โดยถ้าเป็นเช่นนั้นจริงแสดงว่าเหมือนเป็นขบวนการสร้างภาพเพื่อมาฉายภาพให้เห็นว่า การปฏิรูปพลังงานในกลุ่มบุคคลเหล่านี้ให้มีความน่าเชื่อถือว่าได้ทำเต็มที่แล้ว

แผนการใช้ นพ.ระวี และเหตุการณ์ต่างๆ เป็นเครื่องมือสร้างภาพเหมือนกับแสดงให้เห็นว่า เมื่อขวางการปฏิรูปพลังงานไม่ได้จากภาคประชาชนจึงจัดการรวบอำนาจมาอยู่ที่ นายปิยสวัสดิ์ นางอานิก ใช่หรือไม่

เพราะยิ่งหากกางรายชื่อไปที่การประชุมลับครั้งล่าสุด ก็ยิ่งน่าสงสัยและสอดคล้องกันเข้าไปอีกของตัวละครของกลุ่ม กปปส.อาทิ นายต่อตระกูล ยมนาค ซึ่งชัดเจนว่ามีจุดยืนทางการเมืองคือ หนุนหลังพรรคประชาธิปัตย์ตลอดมา นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ที่มีภาพการเป็นพิธีกรสร้างภาพลักษณ์ให้กับบริษัท ปตท. นายกษิต ภิรมย์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ยังเกี่ยวข้องกับตอนที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล ซึ่งได้เคยดอดไปเจรจาลับเรื่องพื้นที่พลังงานกับประเทศกัมพูชามาแล้ว นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้ที่ซึ่งปกป้องผลประโยชน์ของ ปตท.เต็มประตูเ รื่องการที่คนไทยต้องใช้น้ำมันแพง อาจกล่าวได้ว่าแต่ละคนล้วนยืนอยู่ข้างต่อต้านการเปลี่ยนระบบสัมปทานปิโตรเลียมแทบทั้งสิ้น

ดังนั้นแล้วสิ่งที่ควรตั้งคำถามคือ การประชุมลับพลังงานจะมีขึ้นเพื่ออะไร ทำไมจึงต้องปิดเป็นเรื่องเป็นราวหรือจำกัดบุคคลเฉพาะที่ กปปส.เห็นควรเพียงเท่านั้น ทั้งที่เรื่องการปฏิรูปพลังงานควรจะเปิดเผยชัดเจนอย่างตรงไปตรงมาเพื่อผลประโยชน์ที่จะมีต่อประชาชนทุกคนในประเทศมิใช่หรือ

อย่าให้ประชาชนตั้งคำถามเลยว่าคณะปฏิรูปพลังงานของ กปปส.มีผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียมากน้อยเพียงใดกับเรื่องพลังงานถึงกับทำให้ดูเสมือนว่ามีแผนการปกป้องผลประโยชน์ตัวเองกันอย่างสุดชีวิตอย่างที่ปรากฏอยู่




กำลังโหลดความคิดเห็น