xs
xsm
sm
md
lg

ยามเฝ้าแผ่นดิน : วัดใจ 5 กกต.ฟัน “ทั่นยุทธ” - เหน็บ “จักรภพ” แอบแทรกแซงสื่อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ยามเฝ้าแผ่นดิน” จับตา 5 เสือ กกต.กล้าฟัน “ทั่นยุทธ” ตามมติ อนุฯ หรือไม่ พร้อมจี้เคลียร์คดีเก่าที่ยังคั่งค้างอีกเพียบ เหน็บ “จักรภพ” บีบรายการ “เจิมศักดิ์” พ้นคลื่น 105 แทรกแซงสื่อ แต่ไม่กล้ารับ พิสูจน์ชัดเรียกร้องสิทธิให้ “พีทีวี” แค่ของปลอม

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และสโรชา พรอุดมศักดิ์ ช่วงที่ 1

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และสโรชา พรอุดมศักดิ์  ช่วงที่ 2

สโรชา - สวัสดีคะคุณผู้ชม ขอต้อนรับเข้าสู่รายการยามเฝ้าแผ่นดินนะคะ วันพฤหัสบดีที่ 14 กุมภาพันธ์ 2551 วันนี้วันวาเลนไทน์ เป็นวันแห่งความรักของชาวตะวันตก แต่ว่านอกจากจะเป็นวันวาเลนไทน์แล้ว เป็นวันคล้ายวันเกิดของพี่แอน จินดารัตน์ เจริญชัยชนะ สุขสันต์วันเกิดนะคะพี่แอน วันนี้ไม่ยอมบอกอายุเท่าไหร่ บอกเพียงแค่ว่า พี่เบญจเพสพอดี

ปานเทพ - แล้วปีนี้วันมาฆบูชาตรงกับวันไหน

สโรชา - สัปดาห์หน้า

ปานเทพ - ส่วนใหญ่คนไทยไม่ค่อยรู้ เยาวชนรุ่นนี้สนใจแต่วันวาเลนไทน์ สัปดาห์หน้าตรงกับวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ช่วงระยะเวลาที่ใกล้ๆ กัน ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย เราชาวพุทธ คนไทยชาวพุทธส่วนใหญ่ นึกถึงวันวาเลนไทน์ได้ง่าย แต่นึกถึงวันมาฆบูชาบางทีนึกไม่ออกว่าวันไหน บางคนนึกไม่ออกว่าเดือนไหนด้วยซ้ำไป ก็ควรจะให้ความสำคัญ วันมาฆบูชา ว่ากันว่าเป็นวันแห่งความรักของชาวพุทธ ก็คือ การตั้งมั่นในการทำคุณงามความดี การตั้งมั่นอยู่ในหลักธรรมที่ดี นอกเหนือจากสิ่งที่มันเป็นกระแสแฟชั่นของโลก ซึ่งกระจายเป็นวัฒนธรรมของโลกไปแล้ว ก็ยังหวังว่าชาวไทยจะยังคงนึกถึงวันสำคัญโดยเฉพาะชาวพุทธ

สโรชา - กิจกรรมในวันมาฆบูชา ได้ย้ายสถานที่จากเดิมที่ปกติเราจะเห็นกันทุกๆปี ในบริเวณสนามหลวง ก็ย้ายไปที่วัดสระเกศ เข้าใจว่าอย่างนั้นนะคะ ก็สามารถที่จะไปร่วมกิจกรรมกันได้ ในวันที่ 21 เป็นต้นไปนะคะ วันนี้คุณสมัคร สุนทรเวช นายกฯ ได้ไปที่กระทรวงต่างประเทศนะคะ มีการพูดกันถึงแผนยุทธศาสตร์ ในการดำเนินการนโยบายต่างประเทศ แต่ที่สำคัญที่นักข่าวให้ความสนใจกันเป็นพิเศษ ก็คือการบอกเล่าถึงระเบียบ ในการเจรจากับต่างประเทศ กับคุณสมัคร คือเป็นการบอกถึงระเบียบวิธีการในการเจรจากับต่างประเทศ และการกล่าวสุนทรพจน์ คุณสมัครบ่นออกแนวๆ ว่า เดี๋ยวนี้เป็นนายกรัฐมนตรี พูดอะไรก็ต้องระวัง เมื่อก่อนนี้เวลาเป็นคนธรรมดา พูดจาฉับๆ ได้ตามใจชอบ มาวันนี้ต้องมารับการอบรมบ่มนิสัย ว่าเป็นนายกฯ ก็ต้องพูดจาระมัดระวัง พูดไปอย่างนั้น อย่างนี้ ต้องนึกถึงท่านทูตคนนั้น คนนี้ด้วย คุณสมัครบ่นให้นักข่าวฟังว่าอย่างนี้ คือ นักข่าวก็ได้แต่เดากันนะคะว่า การพูดจากันระหว่างเจ้าหน้าที่กระทรวง กระทรวงว่าการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง หรือว่าแม้กระทั่งท่านทูตท่านหลาย เจ้าหน้าที่ระดับสูง ของกระทรวงการต่างประเทศพูดอะไรกันกับคุณสมัคร สุนทรเวช คุณสมัครถึงออกมาบ่นเช่นนี้

ปานเทพ - หรือเหมือนว่าเตือนอะไรกับคุณสมัคร ทำให้เรียกว่า ข้าราชการระดับสูงเตือนว่า อะไรควรพูด อะไรไม่ควรพูด แต่อย่างน้อยนะครับ ไม่ทราบว่าใครจะเตือนคุณสมัครก็ตาม แต่สัญญาณที่คุณสมัคร ออกมายอมรับว่า ต้องระมัดระวังคำพูดเนี้ย เป็นสัญญาณที่ดี เท่ากับยอมรับว่าในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ตอนที่ไม่เป็นนายกฯ เนี้ย คำพูดคำจาจะเป็นคนที่ไม่ระมัดระวัง แต่ว่าวันนี้รู้ตัวแล้ว ว่ามีอะไรหลายอย่างที่อาจจะต้องปรับปรุงตัว

สโรชา - รู้ตัวเมื่อสายเกินไปหรือเปล่า

ปานเทพ - สายเกินไปหรือเปล่า นั่นก็อีกเรื่องหนึ่งนะครับ แต่การรู้ตัวก็เท่ากับว่า การมองไปในอนาคตเนี้ย ก็เป็นสัญญาณที่ดีขึ้น แต่ว่าบางอย่างมันเกิดขึ้นไปแล้วเนี้ย มันก็ยากที่จะไปทำการลบเลือน หรือจะทำให้ประชาชนเข้าใจได้ว่า จะไปลืมมันได้ง่าย ๆโดยเฉพาะบางเหตุการณ์ที่เหมือนกับว่าประชาชน หรือสื่อสารมวลชนเนี้ย สามารถจับผิดได้ว่าคุณสมัครนั้นโกหก ยังไม่นับชาวต่างประเทศนะครับ ที่เขารู้สึกอย่างไร กับคุณสมัคร สุนทรเวช เวลาให้สัมภาษณ์

สโรชา - เชื่อไหมคะ เวลาตอนที่แอ้มเรียนวิชาสื่อสารมวลชน หลายๆ วิชาเนี้ย สิ่งที่เขาพยายามจะตอกย้ำอยู่เสมอ ก็คือเวลาพูดอะไร เวลานำเสนออะไรออกไปแล้วให้ระมัดระวังก่อนที่จะพูด เพราะว่าเราพูดไปแล้ว มันลอยอยู่ในอากาศ ออกไปแล้วไม่สามารถที่จะเอาคืนมาได้

ปานเทพ - และก็ถูกจดจำเป็นบันทึกวีซีดี เป็นวีดีโอคลิป ที่สามารถเผยแพร่ได้ทั่วโลก ดูซ้ำเท่าไหร่ก็สามารถ จะรับรู้ได้ว่าพูดอะไรไว้

สโรชา - คะ, วันนี้เรามีคลิปการให้สัมภาษณ์ ของคุณสมัคร สุนทรเวช ให้กับสถานีข่าวอัลจาซีราห์

ปานเทพ - อ๋อ ที่คุณสมัครบอกว่าเป็นการสัมภาษณ์ ที่หงุดหงิด เพราะคุณสมัครไม่ค่อยพอใจ เมื่อวานนี้เองใช่ไหม ที่บอกว่าวันก่อนอัลจาซีราห์ มาสัมภาษณ์แล้วก็เหมือนกับต้องไปสั่งสอนเขาหน่อย ต้องไปพูดจาให้รู้เรื่องสักหน่อย เหมือนกับว่าต้องอัดเทปใหม่ด้วยซ้ำไป ดูเหมือนว่าคุณสมัครจะไม่พอใจ การสัมภาษณ์ครั้งนั้น

สโรชา - ไม่น่าจะพอใจ

ปานเทพ - ไม่น่าจะพอใจ และก็ดูเหมือนว่าเราไม่ค่อยได้เห็นว่าเขาสัมภาษณ์อะไร

สโรชา - คือ CNN เนี้ย ต้องยอมรับว่าแพร่หลายกว่า

ปานเทพ - ทั่วโลกกว่า

สโรชา - และก็เราในฐานะชาวไทย ก็รับชมเป็นปกติอยู่แล้ว แต่ว่าสถานีอัลจาซีราห์เนี้ย หาชมได้ค่อนข้างยาก และก็เป็นสถานีข่าวของกาตาร์ เขาแพร่ภาพไปทั่วโลกก็จริง แต่ว่าคนยังรับชมค่อนข้างจะน้อย

ปานเทพ - แพร่หลายอยู่ในบริเวณตะวันออกซะส่วนใหญ่นะครับ แต่ว่าการฟังครั้งนี้ จะให้คุณผู้ชมได้ฟังจริงๆ ว่า เวลาคุณสมัครพูดภาษาอังกฤษเนี้ย ภาษาอังกฤษเป็นอย่างไรนะครับ เดี๋ยวคุณแอ้มซึ่งเป็นคนที่โตที่อเมริกาเนี้ยนะครับ จะอธิบายให้ฟังได้ และก็ช่วยแปลด้วย

สโรชา - เดี๋ยวจะพยายามแปลเป็นช่วงๆ แล้วกันนะคะ

ปานเทพ - แปลแล้วเราลองจับอากัปกิริยาของ คุณสมัคร สุนทรเวช กับผู้ดำเนินรายการที่เป็นชาวต่างประเทศ ว่าเขามีสีหน้าสีตาอย่างไร อยากให้คุณผู้ชมสังเกตดีๆ นะครับ ว่าเป็นอย่างไรบ้าง

สโรชา - นอกจากสีหน้าสีตาของคุณสมัคร หรือว่าผู้ดำเนินรายการแล้ว แอ้มอยากจะให้คุณผู้ชมได้จับเนื้อหา บางช่วงบางตอนนะคะ ที่เรียนให้ทราบล่วงหน้าเลยก็คือ มีการพูดถึงเหตุการณ์ตากใบ ที่ผู้ดำเนินรายการเขาถามเลยว่า เกิดอะไรขึ้นในเหตุการณ์ตากใบ มีการถามถึงเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 หรือว่าใน ค.ศ. ก็คือ 1976 นะคะ และลองฟังคำตอบของคุณสมัคร ในกรณีเหล่านี้และอยากจะให้ฟัง หรือดูสีหน้าของผู้ดำเนินรายการด้วย ว่ามีปฎิกิริยาอย่างไร เชิญคะ

**VTR ที่คุณสมัคร สุนทรเวช ให้สัมภาษณ์ที่สถานีข่าวอัลจาซีราห์**

สโรชา - อันนี้เป็นการถามถึงประเด็นของภาคใต้ ว่าคุณสมัครในฐานะท่านผู้นำคนใหม่จะรับมือกับปัญหานี้อย่างไร ก็บอกว่า จะยกให้เป็นหน้าที่ของกองทัพ ที่จะเข้ามาดำเนินการในเรื่องนี้ และกองทัพเองก็คงจะต้องมารายงานให้นายกฯ ฟังอีกครั้งหนึ่ง อันนี้ขออนุญาตทีมงานตัดตอน ไปถึงตอนที่ถามเรื่องของตากใบ ก่อนดีกว่าไหมคะ เนื่องจากว่าเวลาเรามีจำกัด เดี๋ยวจะยาวจนเกินไป นี่คือเข้าเรื่องตากใบแล้วนะคะ ถามว่านักข่าวได้รู้ถึงเหตุการณ์นี้ด้วยหรือ คุณสมัคร กำลังอธิบายถึงเหตุการณ์กรือเซะ แล้วเดี๋ยวจะย้อนกลับมาอธิบายถึงเหตุการณ์ตากใบ คุณสมัคร อธิบายว่ามีการประท้วงกันที่ตากใบนะคะ เรียกร้องให้มีการปล่อยผู้ต้องหา เหตุการณ์เกิดขึ้นตอนช่วงเย็น ถามว่า เป็นผู้บริสุทธิ์ใช่ไหม ที่ถูกควบคุมตัวไป เป็นผู้บริสุทธิ์หรือไม่ ผมไม่ทราบ แต่ว่าเกิดแข็งแรงพอ และถูกย้ายแบบนั้น เหตุการณ์เหล่านั้นคงไม่เกิดขึ้น คือไม่สามารถทานอะไรได้ช่วงนั้น แม้กระทั่งน้ำดื่มก็ทานไม่ได้

ปานเทพ - นี่ก็คือเหตุการณ์ที่คุณสมัคร ได้ให้สัมภาษณ์กับอัลจาซีราห์ ดูแล้วเป็นอย่างไรบ้างครับ ในแง่ของภาษาก่อน

สโรชา - คือแอ้มขอไม่วิพากษ์วิจารณ์ด้านภาษาดีกว่า แต่แอ้มเป็นห่วงจริงๆ เรื่องของคำอธิบายในเรื่องของตากใบ เพราะว่าท่านพูดในลักษณะที่ว่า ไม่ได้ทานข้าวมาทั้งวัน จนกระทั่งตกเย็นแล้วเกิดเหตุ มีการเหมือนกับว่าล้มทับกัน ก็เสียชีวิต ซึ่งนักข่าวคงจะตกใจกับคำตอบนี้พอสมควร

ปานเทพ - ไม่เป็นไรครับ ผมเชื่อว่า เนื่องจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ไม่ได้อยู่ภายใต้การทำงานของคุณสมัคร คุณสมัคร ก็เป็นเพียงแค่นักจัดรายการในช่วงระยะเวลาตอนนั้น ถ้าจะเกิดความผิดพลาดแล้ว ถามว่าต้องตำหนิใครในเหตุการณ์เนื้อหาสาระจริงๆ ก็ต้องตำหนิที่รัฐบาลคุณทักษิณนั่นแหละ ที่ทำให้เกิดเหตุความที่เกิดความไม่ระมัดระวัง จนกระทั่งเกิดเหตุที่เรียกว่าทั่วโลก แม้กระทั่งอัลจาซีราห์ ก็สนใจในเรื่องแบบนี้ คุณสมัคร ในฐานะนายกรัฐมนตรีประเทศไทย เมื่อถึงสถานการณ์ที่ต้องอธิบายเเทนเหตุการณ์ครั้งนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ นะคุณแอ้ม คนที่ไม่ได้ทำต้องไปอธิบาย และเผชิญหน้ากับคำถามแบบนี้ ที่มีความเสี่ยงและมีความละเอียดอ่อน คุณสมัครก็อธิบายเท่าที่คนอยู่ในฐานะนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้รู้ว่าสถานการณ์ตอนนั้นเป็นเหตุสุดวิสัย แต่บางทีภาษาคุณสมัคร อาจจะไม่ระมัดระวังในคำพูด แต่ก็ดูเหมือนว่าพยายามจะอธิบายหลายๆ เรื่องเพื่อให้ประเทศดูดี

ปานเทพ - ผมคิดอย่างนี้นะครับ แต่บางเหตุการณ์เราก็ต้องคิดซะก่อนเลยว่า ช่วงเวลาหลังๆ การที่คุณสมัคร ออกมายอมรับในครั้งสุดท้ายว่า มีคนเตือนออกมาเยอะของคำพูดคำจา วันนี้ครับ ผมเชื่อว่าเป็นสัญญาณที่ดี ว่าอย่างน้อยคุณสมัครได้ฟัง ใครที่บอกว่าคุณสมัคร เป็นคนไม่ฟังคน อย่างน้อยการได้ตระหนักว่าอะไรที่ไม่ควรพูดก็ไม่พูด อะไรที่จะต้องระมัดระวัง ถนอมคำพูดเอาไว้ ก็ต้องปรับปรุงตัว อาจจะไม่ใช่ใช้เฉพาะกับการต่างประเทศอย่างเดียว ต้องพูดถึงเหตุการณ์ในประเทศ แม้กระทั่งเหตุการณ์ที่เราพูดถึง เราก็แสดงความปรารถนาดี เพราะรู้ว่าคุณสมัคร เป็นคนที่ไม่เปลี่ยน คิดอย่างไร 30 ปีที่แล้ว ก็คิดอย่างนี้ แต่สำคัญก็คือ คนที่อยู่ข้างในต่างหาก ไม่ว่าจะเป็นคนเดือนตุลา ในยุคนั้น ก็ต้องมีการสื่อสาร ไม่ใช่ปล่อยสถานการณ์ให้ผ่านเลยไป แล้วตัวเองก็ไม่ต้องแสดงความรู้สึกว่าคุณสมัครต้องระวังคำพูดอะไรบ้าง อยากให้เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเหตุการณ์อุทธาหรณ์ที่สำคัญว่า ต้องมีความระมัดระวัง

สโรชา - วันนี้มีข่าวออกมาจาก กกต.ในช่วงเย็น ก็คือ มีการสรุปออกมาจากคณะอนุกรรมการสอบสวน สำนวนร้องคัดค้านการทุจริตการเลือกตั้งใน จ.เชียงราย เกี่ยวกับคุณยงยุทธ ติยะไพรัช วันนนี้คุณสุวิทย์ ธีรพงษ์ ประธานคณะอนุกรรมการสอบสวนในเรื่องนี้ ออกมาเปิดเผยว่า คณะกรรมการได้สรุปสำนวนทั้งหมดแล้ว เห็นว่ามีการทุจริตการเลือกตั้งจริง คุณสุวิทย์ บอกว่า จากการลงพื้นที่ในเชียงราย ยังพบว่ากำนัน และผู้ใหญ่บ้านบางคน จากทั้งหมด 10 คน ยังคงยืนยันตามคำให้การของคณะอนุกรรมการสอบสวนของตำรวจสันติบาลก่อนหน้านี้ ทำให้คณะอนุกรรมการไม่จำเป็นต้องสอบสวนเพิ่มเติม รวมทั้งได้นำสำนวนเดิมของ กกต. มาใช้เป็นฐานข้อมูลในการสืบสวนและสอบสวน มีการเปิดเผยต่อว่าตามสำนวนที่คณะกรรมการเสนอให้กับ กกต. พิจารณา ปรากฏว่าถ้อยคำในการให้ปากคำของกำนันทั้ง 10 คน ระบุชัดเจนว่าได้เงิดสดจาก นายยงยุทธ รายละ 20,000 บาทจริง ดังนั้นจากพยานหลักฐานดังกล่าว ถือว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมายจริง ทำให้คณะกรรมการสืบสวนสอบสวนมีมติเอกฉันท์ เชื่อได้ว่าคุณยงยุทธ ได้กระทำผิดจริง และจะเสนอให้ กกต.กลางได้พิจารณาอีกที ตามกฎหมายแล้ว กกต. กลางมีสิทธิ์ที่จะคัดค้าน หรือเห็นชอบตามมติของอนุกรรมการได้

ปานเทพ - และเป็นอย่างไรบ้างครับ มีนักข่าวไปสัมภาษณ์ คุณยงยุทธ ติยะไพรัช ใช่ไหมครับ คุณยงยุทธ ว่าอย่างไร วันนี้ได้ข่าวว่าหน้าซีดเลย ตามข่าวเขาว่าอย่างนั้น ดูเหมือนว่าจะตกใจ และอุทานในทำนองว่า มีข่าวเรื่องนี้ออกมาเร็วขนาดนี้เชียวหรือ สำนวนรั่ว หรือเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงเร็วขนาดนี้

สโรชา - คุณยงยุทธ บอกว่า ตัวเองไม่ทราบเรื่องนี้เลย ไม่ขอตอบเรื่องนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นต้องรอกระบวนการเสร็จสิ้นก่อน ที่จะไม่ขอตอบเพราะเดี๋ยวนี้เป็นการกดดัน และแทรกแซงการทำงานของคณะทำงาน กกต. รอความชัดเจน เพราะว่ายังมีเวลาอีกหลายวัน

ปานเทพ - ผมขออนุญาตเสนอความเห็นเรื่องนี้สักนิดนึง เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ กกต. ที่เขารักษาเกียรติภูมิของตัวเองที่เป็นคณะกรรมการการเลือกตั้ง บางคนเขารู้สึกรับไม่ได้กับการที่เราวิพากษ์วิจารณ์กันในช่วงเวลาที่ผ่านมา และก็บอกว่าเขามีสิทธิ์ที่จะดำเนินการกับกระบวนการที่ทุจริตต่อการเลือกตั้ง หรือทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ภายหลังจากที่ประกาศ การรับรอง ส.ส. และก็คิดว่าจะดำเนินการให้ถึงที่สุด ก็เลยปรากฏว่าหลายคนเฝ้ารอ และบอกว่าตอนนี้การเฝ้ารอเริ่มนำมาสู่ที่ภาคประชาชนรับรู้แล้ว ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น อย่างน้อยอนุกรรมการที่สอบสวนในชุดนี้ มีมติเป็นเอกฉันท์ ว่าคุณยงยุทธ กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง เป็นเรื่องใหญ่แล้ว ถ้าเป็นไปตามข่าวจริงก็ต้องมีการรายงานถึงคณะกรรมการการเลือกตั้งชุดใหญ่ ซึ่งประชาชนทั้งประเทศต้องจับตาคณะกรรมการการเลือกตั้งทั้ง 5 คน ว่าใครมีเหตุผล ใครบิดเบือน หรือใครปกป้องการที่อนุกรรมการสอบสวนทั้งหมด และมีมติเอกฉันท์ ให้เห็นว่า คุณยงยุทธ กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง 5 คนต้องการเสียงเท่าไหร่ ถ้าเป็นภาวะปกติ ถ้าต้องการให้ใบแดง 4 ต่อ 1 อย่างน้อยก็ต้อง 5 เสียงพร้อมๆ กัน มีคนหนึ่งคัดค้านก็ถือว่าจบเลย แต่ครั้งนี้เป็นการประกาศผลการเลือกตั้งไปแล้ว การที่จะดำเนินการใดๆ ก็แล้วแต่ ก็จะต้องดำเนินการโดยผ่านศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง หมายถึง กกต.ไม่ได้มีอำนาจเบ็ดเสร็จที่จะวินิจฉัย

สโรชา - คือหมายความว่าไม่ได้จบที่ กกต.วินิจฉัย

ปานเทพ - แต่นัยก็คือว่า เขาใช้เสียง ไม่ใช่เพียงแค่ 4 หรือ 5 คน ใช้เพียงแค่ครึ่งหนึ่งของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ถ้าคณะกรรมการการเลือกตั้งมี 5 คน เพียงแค่ 3 คน ดำเนินการก็สามารถยื่นไปสู่ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งได้แล้ว ถือว่าจบ แต่ถามว่าคุณยงยุทธ จะได้รับผลกระทบอะไรบ้าง วันนี้ขออนุญาตอ่านรัฐธรรมนูญนะครับ มาตรา 111 "เมื่อประกาศผลการเลือกตั้งแล้ว ถ้าปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า การเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งใดมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้ใด หรือผู้สมัครผู้ใด กระทำการใดๆโดยไม่สุจริต เพื่อที่จะให้ตนเองได้รับการเลือกตั้ง หรือได้รับการเลือกตั้งมาโดยไม่สุจริต โดยผลของการที่บุคคล หรือพรรคการเมืองใดได้กระทำ ทั้งนี้อันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญนี้ ระเบียบ หรือประกาศของคณะกรรมการเลือกตั้ง หรือ พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา เพื่อพิจารณาในกรณีที่ปรากฏ จากการไต่สวนของศาลฎีกาว่า มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า กรณีเป็นไปตามคำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ให้ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง ให้มีการเลือกตั้งใหม่ หรือเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือผู้สมัครผู้นั้น มีกำหนดเวลา 5 ปี แล้วแจ้งให้ประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายกรัฐมนตรีทราบ" วรรคต่อมา แต่ว่าในกรณีที่ศาลฎีกาได้รับคำร้องตามวรรค 1 แล้ว ถ้ารับจาก กกต. และ กกต. เห็นชอบ 3 ใน 5 แล้วก็ส่งศาลฎีกา ให้ ส.ส. ผู้นั้นหยุดการปฏิบัติหน้าที่ จนกว่าศาลฎีกาจะมีคำสั่งยกคำร้อง

สโรชา - คือหมายความว่า เมื่อรับฟ้องแล้ว ถ้ารับคำร้องของ กกต. เท่ากับว่าคุณยงยุทธ หมดสถานภาพการเป็น ส.ส.ทันที

ปานเทพ - หยุดการทำงาน หน้าที่เป็น ส.ส. ทันที และถ้าศาลฎีกามีคำสั่งให้เลือกตั้งใหม่ หรือเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งของ ส.ส. ให้ ส.ส. ผู้นั้นสิ้นสุดลง ก็แปลว่า ถ้าเป็น ส.ส.อยู่ ต้องถูกเพิกถอน ระงับการทำงานการทำหน้าที่เป็น ส.ส.ไปก่อน จนกว่าจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ถ้าเพียงแค่ กกต.มีมติ แล้วยื่นต่อศาลฎีกา แล้วศาลฎีการับคำร้อง เรื่องราวเป็นอย่างนี้นะครับ ปัญหาก็คือว่า วันนี้คุณยงยุทธ เป็น ส.ส. หรือเปล่า เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งคุณสมบัติอย่างหนึ่งก่อนเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร ต้องเป็น ส.ส. ก่อน และที่ประชุม ส.ส.ตัดสินใจเลือกคนหนึ่ง ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรขึ้นมาเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานสภาฯ จึงต้องลาออกจาก ส.ส. เสียก่อน ทีนี้ถ้าคุณสมบัติของประธานสภาฯ ต้องมาจาก ส.ส.ก่อน แล้วศาลบอกให้ยุติการทำงาน เป็นหน้าที่ ส.ส. ก็ต้องอยู่ที่ว่าหน้าที่ของประธานสภาฯ ต้องสมควรต้องยุติลงด้วยหรือไม่ ซึ่งความเห็นผม ต้องยุติลง ตรงนี้ก็ทำให้ไม่แปลกใจว่าทำไมคุณยงยุทธ ถึงได้ตกใจ หน้าซีด ประการถัดมา คือว่า แน่นอนคุณยงยุทธ ไม่ใช่ ส.ส.ระบบเขต แต่ว่าเป็น ส.ส. ระบบสัดส่วนทางภาคเหนือ ซึ่งรวมหลายจังหวัดครับ มีที่เชียงรายด้วย และก็พบการกระทำของคุณยงยุทธ ที่ทางอนุกรรมการเชื่อว่าผิดกฎหมายเลือกตั้งนี่นะครับ และถ้าผิดจริงนี่นะครับ คำถามก็คือว่าแล้วจะทำอย่างไรละ กับการเลือกตั้งที่เป็นระบบ ส.ส. สัดส่วน

สโรชา - อีก 4 คน จะทำอย่างไร

ปานเทพ - จะเลื่อนมา อย่างน้อยที่สุดจะตัดคะแนนที่เชียงราย เป็นธรรมไหม

สโรชา - ไม่ได้ซิ จะรู้ได้อย่างไรว่าคะแนนส่วนไหน เป็นของจังหวัดไหน

ปานเทพ - หรือตัดเฉพาะของคุณยงยุทธ และเลื่อนขึ้นมาได้ไหม

สโรชา - ไม่ได้ซิ เพราะว่าเขาเลือกเป็นพรรค เขาไม่ได้เลือกคุณยงยุทธ

ปานเทพ - คุณแอ้มพูดมีประเด็นมากเลย ก็คือว่าคนที่เขาเลือก ส.ส. ระบบสัดส่วน เขาไม่ได้บอกว่าเขากาให้คุณยงยุทธคนเดียว

สโรชา - ใช่คะ

ปานเทพ - แต่เหตุการณ์จาก คุณยงยุทธ ติยะไพรัช ที่กระทำลงไป ถ้าผิดกฎหมายก็เท่ากับว่า คะแนนเหล่านั้นทำไปเพื่อ ส.ส. ระบบสัดส่วน ทั้งบัญชีรายชื่อ ในนามพรรคพลังประชาชน ไม่ใช่เฉพาะคุณยงยุทธ นั่นอาจหมายถึงจะกระเทือนมากกว่านั้น ในแง่ของ ส.ส. ระบบสัดส่วน ทางภาคเหนือ ซึ่งอาจจะต้องลดคะแนนบางส่วนไป หรืออาจจะต้องมีการเลือกตั้งใหม่ ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของคณะกรรมการการเลือกตั้งชุดใหญ่ และศาลฎีกา

สโรชา - คะ

ปานเทพ - เอาละครับ ทีนี้ประเด็นถัดมาก็คือว่า

สโรชา - คุณยงยุทธเป็นกรรมการพรรค

ปานเทพ - ถูกต้องครับคุณแอ้ม คุณยงยุทธ ติยะไพรัช เป็นคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน ซึ่งมีสถานภาพว่า ถ้าคณะกรรมการบริหารของพรรค เป็นตัวแทนพรรค เป็นถึงคณะกรรมการบริหาร ไปกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ก็ต้องมีบรรทัดฐาน เช่นเดียวกัน กับกรณีของพรรคมัชฌิมาธิปไตยที่ถูกใบแดง หรือพรรคชาติไทยที่ถูกใบแดงเหมือนกัน โดยเป็นกรรมการบริหารพรรคทั้งคู่ และกำลังเข้าสู่กระบวนการ ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่พิจารณาอาจจะถึงขั้นยุบพรรค 2 พรรคนี้

สโรชา - คะ

ปานเทพ - และถ้าบรรทัดฐานเดียวกัน ในวินิจฉัยเดียวกัน และถ้าเป็นกรรมการบริหารพรรคเช่นเดียวกัน พรรคพลังประชาชนก็เริ่มเข้าสู่ความเสี่ยง ที่อาจถูกยุบทั้งพรรคก็ได้ ถูกไหมครับ

สโรชา - ใช่คะ

ปานเทพ - แต่ยุบพรรคไม่ได้ขึ้นอยู่กับ กกต. เช่นเดียวกัน

สโรชา - ก็ต้องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ

ปานเทพ - ครับ, ก็ต้องมีกระบวนการ และผ่านขั้นตอนอีกยาวเหยียดกันพอสมควร แต่ขั้นต้นนั้นไม่แปลกใจว่า คุณยงยุทธ ติยะไพรัช เริ่มเข้าสู่ความเสี่ยงแล้ว มากขึ้นๆ เรื่อยครับ

สโรชา - อันนี้คือสาเหตุที่คุณยงยุทธหน้าซีดไปหรือเปล่า คือรู้ว่าไม่จบแค่สถานภาพความเป็นประธานสภา ไม่ได้จบเพียงแค่สถานภาพความเป็น ส.ส. แต่อาจจะยืดเยื้อไปถึงขั้นตรวจสอบว่าจะมีการยุบพรรคหรือไม่

ปานเทพ - เมื่อกี้ทางทีมงานขออนุญาตแก้ไขข้อมูลนะครับ ไม่ใช่แค่ 3 ใน 5 นะครับ ก็คือ 2 ใน 3 นะมี 5 คน ก็เลยกลายเป็น 3 ใน 5 อยู่ดีใช่ไหมครับ

สโรชา - คะ, ก็ก่อนหน้านี้นะคะ ก่อนที่จะมีคำตัดสินหรือว่ามติของอนุกรรมการสอบสวนในเรื่องนี้นะคะ วันนี้ก็มีข่าวออกมาว่า ทางด้านที่เป็นพยานคนสำคัญในคดีนี้เนี้ย ก็ออกมาร้องเรียนเขาบอกว่า เขายื่นหนังสือกับ กกต. ครั้งหนึ่งแล้ว ตั้งแต่ต้นเดือน กุมภาพันธ์ มายื่นอีกครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เขาคนนี้ก็คือ กำนันตำบลจันจว้า อ.แม่จัน จ.เชียงราย คุณชัยวัฒน์ บอกว่า เขาถูกคุกคามถึงขั้นว่ามีชายฉกรรจ์ 4 คน มาที่บ้านเขา ในวันที่ 29 มกราคม ที่ผ่านมาในเวลาประมาณตี 4 ปรากฎว่าคนในบ้านรู้ตัวก่อน ก็เลยทำให้คนร้ายไม่สามารถที่จะดำเนินการได้ แต่ที่สำคัญร้องมาที่ กกต. บอกช่วยดำเนินการให้จบเร็วๆ เสียทีเถิด เพราะว่าสิ่งที่ให้การไปนั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าทำผิดหรือถูก แต่คิดว่าทำสิ่งที่ดีที่สุด สำหรับแผ่นดินไปเรียบร้อยแล้ว

ปานเทพ - ครับ

สโรชา - เพราะฉะนั้นขอความเมตตาจาก กกต. ให้สรุปเรื่องนี้ให้โดยเร็ว

ปานเทพ - ช่วยคุ้มครองหน่อย คือผมนั้นเห็นใจพยานในคดีนี้มาก จากที่เรารู้ว่าผลกระทบของคดีนี้ เป็นคดีใหญ่ เกี่ยวข้องกับประธานฝ่ายนิติบัญญัติ เกี่ยวข้องกับพรรครัฐบาลขนาดใหญ่ที่สุด ในประเทศไทยนี่นะครับ บุคคลที่เป็นพยานจึงควรต้องได้รับการคุ้มครอง

สโรชา - ใช่คะ

ปานเทพ - ผมยังรู้สึกเสียดายที่ทำไม กกต. จึงปล่อยให้สำนวนนี้ หลุดออกไปผ่านสื่อสารมวลชน จนรู้รายชื่อพยานและพยานก็ตกอยู่ในความเสี่ยง ถูกคุกคามอย่างชนิดที่เรียกว่า ตัวเองนั้นกลัวที่จะต้องถูกฆ่า หรือว่าถูกตัดตอน หรือว่าถูกเก็บหายไปในฐานะพยานคนสำคัญ ผมก็มีความคิดอย่างนี้นะครับ คุณแอ้มครับ ในยุคนี้ที่เรามีรัฐธรรมนูญ เรามีกฎหมายเลือกตั้ง เรามีกฎหมายพรรคการเมือง เรามีกฎหมายการเลือกตั้งของ ส.ส. และกฎหมาย กกต.

สโรชา - ใช่คะ

ปานเทพ - เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ใครจะเคยคิดว่าแม้กระทั่งคณะกรรมการชุดเก่า ที่ได้กระทำผิดกฎหมายไปอยู่ช่วงหนึ่งเนี้ยนะครับ ก็ต้องมีเหตุการณ์ที่จะต้องถึงขั้นจำคุก อยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง จำได้ไหมครับ ไม่มีการประกันตัว เพราะเป็นเหตุที่มีความร้ายแรง จนกระทั่งมีการเลือกตั้งที่เป็นโมฆะ ผมไม่อยากเห็นคณะกรรมการคนใด ชุดนี้นะครับ โดยเฉพาะชุดนี้หลายคนก็มาจากกระบวนการยุติธรรม มาจากสายอัยการบ้าง ผู้พิพากษาบ้าง บุคคลเหล่านี้ก็ถือว่า สั่งสมประสบการณ์ สั่งสมเกียรติภูมิ จนกระทั่งไปเป็นผู้พิพากษา และมาเป็นคณะกรรมการการเลือกตั้ง ผมไม่อยากเห็นการละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ หรือการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เฉพาะวันนี้ก็มีความเสี่ยงมากแล้ว โดยเฉพาะคดีของ คุณยงยุทธ ติยะไพรัช นี่นะครับ เป็นคดีที่หลายคนเชื่อว่า หลักฐานทั้งวีซีดี ทั้งพยานหลักฐาน มันปรากฎจนหลายคนมีความเชื่อว่า มีความครบถ้วนที่จะพิสูจน์ได้ว่า มันเป็นเรื่องจริง หรือไม่จริง

ปานเทพ -ผมไม่อยากเห็นคณะกรรมการชุดนี้ คนใด คนหนึ่ง บางคน หรือทั้งหมด ก็แล้วแต่เนี้ยนะครับ กระทำผิดกฎหมาย เพราะตอนนี้ผมเชื่อว่าประชาชนมีความเข้มแข็งมากกว่าเดิม และรู้จักใช้สิทธิ์มากขึ้นกว่าหลายเท่า แค่ปีนู้น 2 ปี ที่แล้ว แค่คณะกรรมการการเลือกตั้งทำผิด ประชาชนทุกภาคส่วนทำยื่นต่อศาลกระบวนการยุติธรรม อย่างไม่ละเว้น อย่างไม่ปราณีเลยนะครับ ผมไม่อยากเห็นคณะกรรมการชุดนี้ คนใด คนหนึ่งเนี้ย ต้องถึงขั้นติดคุก ติดตารางเหมือนในอดีต ไม่อยากเห็นนะครับ เพราะฉะนั้นท่านทำหน้าที่คิดให้ดี และไตร่ตรองให้ดี หลังจากนี้ที่อนุกรรมการนำเสนอ ถึงคณะกรรมการชุดใหญ่แล้วเนี้ย ท่านต้องตระหนักว่าประชาชนจับจ้องอยู่ หลังจากนี้การตัดสินใดๆ ที่ท่านไม่อยู่บนความสุจริต ไม่อยู่บนความเที่ยงธรรม หาเหตุผล และหาบรรทัดฐานเทียบกันไม่ได้อีกหลายกรณีนี่นะครับ ต้องระวังให้ดี ผมอยากให้มีความทั้งกล้าหาญ ทั้งความสุจริต และเที่ยงธรรมครับ

สโรชา - คะ, เดี๋ยวเราพักกันสักครู่นะคะ กลับมาดูเรื่องของ คุณจักรภพ เพ็ญแข ต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้ หลังจากที่มีข่าวออกมาว่า รายการของ อ.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นั้น ถูกยุติการออกอากาศในคลื่น 105 FM วันนี้คุณจักรภพออกมาบอกว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการสั่งยุติ การออกอากาศรายการของ อ.เจิมศักดิ์ ใดๆ ทั้งสิ้นนะคะ เดี๋ยวสักครู่ กลับมาติดตามกันคะ

( รายการยามเฝ้าแผ่นดิน ช่วงที่สอง )

สโรชา - กลับเข้าสู่รายการยามเฝ้าแผ่นดินนะคะ มีประเด็นเพิ่มเติม ข้อมูลเพิ่มเติม

ปานเทพ - ครับ, ก็ขออนุญาตแก้ไขเมื่อสักครู่ ผมพูดผิดเองนะครับ คือ ประธานสภาไม่ได้ลาออกจาก ส.ส. แต่ลาออกจากกรรมการบริหารพรรค เมื่อลาออกจากกรรมการบริหารพรรคแล้ว แต่ในระหว่างที่กระทำความผิดเนี้ย เคยเป็นกรรมการบริหารพรรค

สโรชา - ตอนที่เกิดเรื่องนี้ ที่มีการกระทำอยู่ในตำแหน่งกรรมการบริหาร

ปานเทพ - ทีนี้การเป็นประธานสภา ก็เป็น ส.ส. ด้วย ในเวลาเดียวกัน เมื่อเป็นประธานสภา เป็น ส.ส. เมื่อขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส. ก็ต้องขาดคุณสมบัติการเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร์ ไปโดยปริยายนะครับ ทีนี้ก็ต้องถือว่าเป็นจุดเริ่มต้น ผมอยากจะบอกว่าคดีนี้เป็นจุดเริ่มต้น ถ้าเริ่มต้นใบแดงจริงเนี้ย มันจะลามถึงอีกคดีหนึ่ง คดีว่าด้วยการยุบพรรคนะครับ ซึ่งอาจจะถูกควบรวมในท้ายที่สุด ซึ่งก็อยากจะบอกว่าสถานการณ์ตอนนี้ เริ่มง่อนแง่นมากในแง่ของพรรคพลังประชาชนนะครับ อย่างที่บอกนะครับจับตาให้ดี กับการทำงานของ กกต. และขอเหตุผลของแต่ละคนด้วย ถ้าจะมีเหตุอื่นที่ไม่เป็นไปตามอนุกรรมการ ที่ได้นำเรื่องมาเสนอกันอย่างหลายชุด หลายสมัย ต้องไม่ลืมนะครับว่า อนุกรรมการที่สอบสวนเรื่องนี้ เปลี่ยนไปแล้ว ตามคำร้องของผู้ร้อง หนึ่งนะครับ อยากเปลี่ยนอะไรก็เปลี่ยน สอง อยากดูหลักฐานอะไรก็ได้ดูนะครับ สาม อยากเพิ่มเติมพยานก็ได้เพิ่ม เรียกว่าจนคนมอง กกต. ในแง่ของการเอื้อประโยชน์ให้กับ คุณยงยุทธ ติยะไพรัช หรือ พรรคพลังประชาชนที่มากเกินไป

สโรชา - ก็คือประเด็นคุณยงยุทธเนี้ยแหละ

ปานเทพ - เพราะฉะนั้นแล้ว ก็ต้องบอกว่าสถานการณ์ตอนนี้เนี้ย ดูเหมือนว่าเมื่ออนุกรรมการได้ฟังอย่างนี้แล้ว เปิดโอกาสให้มากกว่าอีกหลายๆ คดีนี่นะครับ ก็สมควรจะทำคดีนี้ให้เป็นบรรทัดฐานให้ดี เพราะอย่าลืมนะครับ ก่อนหน้านี้มีอีกหลายคดีที่ กกต. ตัดสินใจให้ใบแดง โดยที่ไม่ต้องเรียกผู้ที่ถูกกล่าวหามาชี้แจง ก็ยังมีให้ใบแดงไปเลยนะครับ เพราะฉะนั้นแล้วก็ต้องดูว่าสถานการณ์ตอนนี้ไปรุก จับตามองของที่ กกต. ผมขอแถม

สโรชา - ว่าอะไรคะ

ปานเทพ - จำได้ไหมว่าการที่ กกต. ชุดเก่า ตัดสินใจกระทำความผิด มี กกต. ใหม่ขึ้นมา แล้วก็ตัดสินใจเริ่มเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และก็ยุบพรรคไทยรักไทยในท้ายที่สุด เราลืมไปหรือเปล่าว่า กกต. ชุดนี้ ได้ดำเนินการคดีความอาญา กับผู้กระทำการความผิดกฎหมายเลือกตั้ง จนถึงขั้นยุบพรรคแล้วหรือยัง มีคดีอาญาเกี่ยวข้องนะครับ อยู่เฉยๆ ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นแล้ว กกต. ก็อาจจะถูกข้อหาละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ด้วย คนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดนี่นะครับ ต้องถูกดำเนินคดีอาญาเช่นเดียวกัน ไม่อย่างนั้นกฎหมายก็ไม่เป็นกฎหมาย ผมว่า กกต. ชุดนี้ ต้องระมัดระวังตัวให้ดีนะครับ เพราะว่าตอนนี้ภาคประชาชนเขาจับตา ในแง่ของรายละเอียดอย่างเข้มงวด จะให้ดีเนี้ยผมอยากเรียกร้องให้เลขาธิการ กกต. ออกมาแถลงข่าวสักหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น คืบหน้าไปถึงไหนแล้ว ประชาชนจะได้เข้าใจว่า กกต. ไม่เคยละเว้นการปฎิบัติหน้าที่เลย ปัจจุบันกำลังหาทางจับกุม คนที่กระทำความผิดอยู่ ดำเนินคดีความอาญาอยู่อย่างต่อเนื่อง

สโรชา - คะ ใช่คะ เพราะว่ารออยู่หลายต่อหลายคดีนะคะ ที่ยังอยู่ในชั้นสืบสวนสอบสวนก็มี คดีของการเป็นนอมินีของพรรคไทยรักไทยก็ยังรออยู่นะ การที่ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์, คุณเนวิน ชิดชอบ ในฐานะอดีตกรรมการบริหารพรรค เข้าไปให้ปากคำ ตอนนี้ กกต. ก็ยังรออยู่ เรารอการพิจารณาของ กกต. ในการยุบพรรคชาติไทย กับพรรคมัชฌิมาธิปไตย ที่พรรคชาติไทยเข้าไปชี้แจงแล้ว เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมานะคะ และก็รอพรรคมัชฌิมาธิปไตย เข้าไปชี้แจงในช่วงต้นสัปดาห์หน้า ก็รออยู่เหมือนกันในคดีเหล่านี้นะคะ อีกเรื่องหนึ่งที่เรารอ และได้คำตอบในวันนี้

ปานเทพ -คำชี้แจงจาก คุณจักรภพ เพ็ญแข ในฐานะรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อวานนี้มีการพูดถึงคุณจักรภพ ค่อนข้างกว้างขวางในช่วงเย็น รายการเราก็หยิบยกมาพูด ว่าถ้าหากข่าวเป็นอย่างนั้นจริงๆ เนี้ย ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง เพราะกระบวนการแทรกแซงสื่อ ได้เริ่มขึ้นหรือยัง วันนี้คุณจักรภพออกมายืนยันนะคะว่า ในการถอดรายการของ อ.เจิมศักดิ์ ที่ชื่อว่า "มุมมองของเจิมศักดิ์" ในคลื่น FM 105 เมกะเฮิร์ต ก็คือ วิสดอม เรดิโอ คุณจักรภพออกมายืนยันคะว่า ไม่มีรัฐมนตรีหรือคนของรัฐบาลเข้าไปแทรกแซง หรือส่งสัญญาณทางตรงและทางอ้อม เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่นโยบายรัฐบาล วันนี้ตนจะให้อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ และเจ้าของสถานี วิสดอม เรดิโอ มาแถลงข้อเท็จจริงว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพื่อประเทศชาติรับทราบนะคะ คุณจักรภพบอกว่ายืนยันว่าไม่เข้าไปก้าวก่าย ไม่รู้ว่ามีมือหรือมีเท้าที่มองไม่เห็นหรือไม่นะคะ พูดต่อคะว่า จะขอให้เปิดเผยชื่อว่าเป็นใคร ถ้าเป็นคนของรัฐบาลก็ยิ่งขัดกับนโยบาย สำหรับตนยอมรับว่าไม่ใช่แฟนของนายเจิมศักดิ์ เพราะรู้อยู่แล้วว่านายเจิมศักดิ์มีจุดยืนอย่างไร ผมคิดการใหญ่เพื่อประเทศไทย ส่วนไหนที่ยังไม่เข้าถึงข้อมูลข่าวสาร หรือได้ข้อมูลที่เอนเอียงจะต้องให้เกิดสมดุล และต้องมีการประเมินสื่อด้วย โดยจะมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาทำแผน แต่พวกไม้แก่ดัดยาก ผมคงไม่เข้าไปยุ่ง แต่จะเพิ่มผู้เล่นใหม่ในสนามสื่อ จะไม่อยู่แค่คนเดิมๆ

ปานเทพ - ครับ, นั่นเป็นคำพูดของคุณจักรภพฝั่งเดียวนะครับ ของคุณจักรภพเขาพูดอย่างนี้ แล้วต้องเข้าใจว่าถ้าสมมติถ้ามีใครทำ ที่เป็นรัฐบาลหรือเป็นรัฐมนตรี เขาคงไม่มายอมรับหรอกคุณแอ้ม ท่านผู้ชมเห็นด้วยไหมครับ ไม่มีใครออกมายอมรับหรอก ไม่เคยมียุคใดที่จะยอมรับ ตอนที่คุณแอ้มจัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ กับ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ที่ช่อง 9 อ.ส.ม.ท.

สโรชา - คะ

ปานเทพ - มีใครออกมายอมรับไหม ว่าเป็นผู้ถอดถอน

สโรชา - ไม่มีคะ

ปานเทพ - ไม่มีหรอกครับ ไม่มีบอกว่ารัฐบาลสั่งมา สั่งมาให้ถอดถอน ไม่เคยมียุคไหนบอกว่ารัฐบาลทำหนังสือมา บอกให้ถอดถอนรายการนี้ รายการนั้น ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ เนี้ย ในยุคนี้ทำไม่ได้นะครับ ยุคนี้เท่ากับเป็นการขัดรัฐธรรมนูญ ผิดกฎหมายถึงขั้นถอดถอนได้

สโรชา - ใช่คะ

ปานเทพ - แต่อย่างที่ว่านะครับว่า ใครทำก็ไม่มีใครยอมรับหรอก ถ้าถึงทำจริงเนี้ยนะครับ แต่ว่าลองไปฟังคนที่เขาถูกกระทำดีกว่า ถ้า อ.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง วันนี้ตอนช่วงเวลาประมาณบ่ายสาม ก็ให้สัมภาษณ์รายการ NEWs Hour ให้สัมภาษณ์และก็เป็นเสียงของ อ.เจิมศักดิ์เอง ในฐานะคนที่ถูกกระทำ ซึ่งบางคนก็อ้างว่า อ.เจิมศักดิ์ ถอนตัวเองออกไป ไม่มีใครไปแทรกแซง ไม่มีใครไปกดดัน ไปฟัง อ.เจิมศักดิ์ ดีไหมครับ เชิญครับ

***** VTR อ.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ให้สัมภาษณ์รายการ NEWs Hour ****

ปานเทพ - นี่คือผู้ถูกกระทำให้ความเห็นอย่างนี้นะครับ ผมมีความคิดอยู่เรื่องหนึ่ง คุณจักรภพ เป็นคนที่มาจากกระทรวงการต่างประเทศ เข้าใจในเรื่องของสายตามุมมองชาวต่างชาติที่มองมายังประเทศไทยเป็นอย่างดี น่าจะดี และไปเป็นสื่อสารมวลชน ไปเป็นโฆษกรัฐบาลที่คุณทักษิณ ดึงมาจากการจัดประชุมเอเปก แล้วก็ให้โอกาสเป็นโฆษกรัฐบาล อย่างที่หลายคนมองว่าไม่ใช่คนของพรรคไทยรักไทยตั้งแต่เริ่มแรก คุณจักรภพก็เปลี่ยนไปจากการที่วิพากษ์วิจารณ์คุณทักษิณ ในเรื่องของสิทธิเสรีภาพของสื่อ ก็กลายเป็นคนที่พูดแทนรัฐบาล ที่จริงจะว่าไปตอนนั้นก็ทำหน้าที่ได้ระดับหนึ่ง แต่นับตั้งแต่ที่เกิดการรัฐประหาร คุณจักรภพเหมือนกับมีความชอบธรรมในเวทีสากลว่า นี่คือรัฐประหาร ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย คุณจักรภพก็เลยออกมาร่วมกับแนวร่วมของพีทีวี และ นปก. เวลาพูดกับสื่อก็บอกว่า พีทีวีเป็นสื่อสารมวลชนของคนกลุ่มหนึ่ง ที่ถูกปิดกั้นจากรัฐบาล ชาวต่างชาติฟังมาก็ไม่พอใจประเทศไทย เวลาพูดบอกว่าอำนาจประชาธิปไตยถูกแทรกแซง โดยใครก็ไม่รู้ ปัจจุบันมีการรัฐประหาร เป็นเรื่องของการใช้กองกำลังมายึดอำนาจประชาธิปไตย คุณจัรภพก็มีความนิยม หรือการที่ต่างชาติมองว่าการเคลื่อนไหวของคุณจักรภพ เป็นไปอย่างสุจริตใจ เป็นไปอย่างบริสุทธิ์ใจ ที่ต้องการนำประชาธิปไตยกลับคืนประเทศไทย เพื่อต่อสู้กับเผด็จการ

สโรชา - ตอนนั้นถ้าไปถามผู้สื่อข่าวต่างประเทศหลายสำนัก เขาจะบอกเลยว่าคุณจักรภพโทรหาเขาบ่อยมาก โทรบอกว่าจะมีการเคลื่อนไหวอย่างไร ที่ไหน โทรให้สัมภาษณ์อยู่บ่อยๆ คือใช้สื่อต่างประเทศเป็นแนวต่อสู้อีกทางหนึ่ง

ปานเทพ - ซึ่งก็ถือว่าได้ผล เพราะว่าถ้าพูดถึงการต่อสู้ของ นปก. กับ คมช. ในเวทีต่างชาติ ต้องถือว่าทาง คมช.และทาง พล.อ.สุรยุทธ์ อ่อนด้อยกว่าการทำงานของทาง นปก. และไทยรักไทยหลายเท่า พูดตามตรงเลยนะครับ แต่ว่าต้องไม่ลืมว่าวันนี้คุณจักรภพ เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คุมสื่อ เสรีภาพของสื่อ จากที่คุณจักรภพเคยต่อสู้ มาเป็นสิ่งที่คุณจักรภพบอกว่า จะไปจัดระเบียบ ระบบ จนผมต้องออกมาติงว่า นี่อาจเข้าข่ายการแทรกแซงสื่อ และให้จับตาหลังจากวันนั้น พูดยังไม่ขาดคำ 2 วัน ท่านอาจารย์เจิมศักดิ์ ถูกต้องออกจากรายการวิทยุ FM 105 ทันที คุณแอ้มครับ คนเราบางทีการอ้างประชาธิปไตย ในหน้าฉากมันง่าย แต่การกระทำเนื้อแท้ ในตอนมีอำนาจรัฐแล้ว มันไม่มีความชอบธรรม เหมือนกับการต่อสู้ในเวทีภาคประชาชน เพราะเข้าไปนั่งอำนาจรัฐแล้ว ต้องอยู่ในกรอบกติกาที่ต่างชาติมองเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นถ้าคุณจักรภพ ทำการแทรกแซงสื่อ การต่อสู้ในรอบหลายปีที่ผ่านมาของคุณจักรภพ มันก็คือของปลอม

สโรชา - อาจารย์กำลังหมายความว่า ในช่วงที่คุณจักรภพ เป็นส่วนหนึ่งของ นปก.ใช้เรื่องการแทรกแซงสื่อ เรื่องของการที่พีทีวีไม่ได้ออกอากาศ เป็นเครื่องมือในการต่อสู้ในภาคต่างชาติ แต่ในการเป็นรัฐมนตรีประจำสำนายกฯ ดูแลสื่อ ถ้าเกิดเข้ามาแทรกแซงสื่อเสียเอง ก็จะเสียความน่าเชื่อถือตรงนั้นไป

ปานเทพ - เท่ากับว่าที่ผ่านมา ต่อสู้มันไม่จริงไง ต้องการเพียงแค่เข้าสู่อำนาจรัฐ และจิตใจไม่ใช่ประชาธิปไตย ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ คุณจักรภพก็ต้องเท่ากับว่า เป็นของปลอม เท่ากับว่า ถ้าคุณจักรภพยิ่งกระทำจริงๆ ไปแทรกแซงสื่อ และไม่ยอมรับ ก็เท่ากับว่าคุณจักรภพไม่ใช่ลูกผู้ชาย ไม่ยอมรับความจริง ไม่แสดงว่าตัวตนคิดอย่างไร ทำอย่างไร เพียงแต่ทำอยู่ลับหลัง แอบๆ ทำอยู่ไม่ให้ใครรู้ ไม่ใช่ลูกผู้ชาย ผมนึกถึงเพลงๆนึง ต้องฝากคุณผู้ชมดูวันพรุ่งนี้เลยนะครับ อยู่ในบทความของ คุณสุรวิชช์ วีรวรรณ บทความวันพรุ่งนี้ ปรากฏอยู่ในเว็บไซต์แล้วท่านผู้ชมไปรับชมได้ แต่ปรากฏอยู่ในหนังสือพิมพ์วันพรุ่งนี้

ปานเทพ -ชื่อ "คิดถึงเพ็ญ แว่วเพลงแต๋วจ่า" เป็นเพลงเก่ามากแล้วคุณแอ้ม เป็นเพลงลูกทุ่ง ซึ่งคุณแอ้มไม่น่าจะเกิดทัน ผมไม่แน่ใจว่าผมทันไหม แต่บทความนี้ของคุณสุรวิชช์ ไม่ต้องการเปรียบเปรยให้เกิดความเข้าใจผิด ในเรื่องของการก้าวล่วงสิทธิส่วนบุคคล ของแต่ละคนของคุณจักรภพ แต่ว่าบทความนี้ต้องการแสดงเจตนารมณ์ ของการเปรียบเทียบตัวตนที่แท้จริงของแต่ละคน เพลงเเต๋วจ๋า คุณสุรวิชช์ เขาคิดไว้ และบอกว่า เขาพยายามฟังเพลงนี้เพื่อค้นหาตัวตนที่แท้จริงของเพ็ญ ที่บางคนเรียกเพ็ญ บางคนเรียกเพ็ญแข บางคนเรียกจักรภพ เพ็ญแข เรียกตามฝรั่ง ต้องเรียกนามสกุลก่อน ระหว่างนิ่งคิด เพื่อค้นหาตัวตนที่แท้จริงของเพ็ญ เสียงเพลงของคนร้องชื่ออะไรรู้ไหมครับคุณแอ้ม ชื่อคุณ สาริกา กิ่งทอง ร้องว่าอย่างไรผมไม่ร้องให้ฟัง ผมอ่านให้ฟัง "แต๋วจ๋า เห็นใจเถิดหนาแต๋ว ของพี่ พี่หลงรักแต๋วมานาน ทุกวันคิดถึงคนดี แต๋ว ไม่ปราณี พี่บ้างหรือไร แต๋ว เอ๋ย ก่อนนี้พี่เคย มีน้องอยู่ใกล้เดี๋ยวนี้ แต๋วจากไปไกล ทิ้งพี่ให้โศกอาลัย แต๋วไปอยู่ไหน ไม่ส่งข่าวเลย พี่หลง รักแต๋วมานาน เห็นใจ พี่เถิดตาหวาน อย่าทรมาน ด้วยการเฉยเมย กลับมา เถิดนะที่รัก อย่าช้านัก ซิทรามเชย แต๋วเอ๋ย เห็นใจหน่อยซี" นี่เป็นเพลงที่คุณสุรวิชช์คัดมานะครับ ทีนี้สาระมันไม่ได้อยู่ที่ชื่อแต๋ว หรือไม่ได้ชื่อแต๋ว สาระของเนื้อหาตรงนี้มันอยู่ตรงที่ว่า ถ้าคุณแอ้มเคยได้ยินเพลงนี้นะครับ จะรู้ว่าคนที่ชื่อสาริกา กิ่งทอง คนร้องควรจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ตามหาแต๋วเนี่ย

สโรชา - ควรจะเป็นผู้ชายสิคะ เพราะเเต๋วน่าจะเป็นชื่อผู้หญิง

ปานเทพ - คุณสุรวิชช์ บอกว่า พลันเสียงเพลงของท่อนนี้ยังไม่จบของ สาริกา กิ่งทอง ผมก็แว๊บขึ้นมาในใจว่า คนเราไม่มีวันจะปิดบังตัวตนที่แท้จริงของตัวเองไว้ได้ วันหนึ่งความจริงจะต้องปรากฏออกมา เพ็ญก็เช่นกัน สาริกา กิ่งทอง ก็เช่นกัน เพราะอะไรรู้ไหมครับ มีการค้นในวิกิพีเดีย สารานุกรมในเว็บไซต์ บันทึกถึงสาริกา กิ่งทอง ไว้ตอนหนึ่งว่า เพราะความสงสัยของแฟนเพลงทั่วประเทศว่า สาริกา เป็นผู้หญิง หรือผู้ชายกันแน่ เพราะแม้เนื้อหาเพลง "เเต๋วจ๋า" และเพลงอื่นๆ ของสาริกา จะเป็นบทเพลงสำหรับนักร้องชาย และหลายเพลงก็เป็นการร้องในทำนองเกี้ยวพาราสีผู้หญิง ตัวสาริกา เอง ก็อยู่ในเสื้อผ้าแต่งกายนักร้องชาย ทว่าน้ำเสียงและหน้าตา ท่าทางของเธอออกไปในทางผู้หญิงมากกว่า และผมก็เข้าใจว่าผู้ชายมาโดยตลอดนะครับ แม้กระทั่งเสียงร้องก็เข้าใจว่าผู้ชาย จนในที่สุดหลังจากนั้นที่สงสัยมานาน ก็มีการเปิดเผยว่า สาริกา เป็นผู้หญิง เป็นผู้หญิงในการเปิดเเสดงต้องมีการใช้ผ้าพันทรวงอกเพื่อปิดบังสัญลักษณ์ความเป็นสตรีของเธอ ไม่น่าเชื่อว่า เพ็ญ จักรภพ ที่เคยประกาศตัวว่า เกลียดชังเผด็จการต่อสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิเสรีภาพของสื่อ จะเปลื้องผ้าให้เห็นตัวตนอย่างล่อนจ้อนเพียงชั่วเวลาระยะสั้น หลังจากที่มีอำนาจรัฐอยู่ในมือ เช่นเดียวกับของ นปก. ที่เพ็ญ และพรรคพวก ได้รับการเชิดชูว่า เป็นนักสู้ประชาธิปไตย วันนี้มีความจริงปรากฏให้เห็นว่า พวกเขาต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เพื่อเสรีภาพของประชาชน หรือของใครกันแน่

สโรชา - คือตัวตนที่แท้จริงนั้นคือใครกันแน่ ว่าเป็นนักสู้

ปานเทพ - เป็นนักประชาธิปไตย หรือจิตใจเป็นเผด็จการ หรือต่อสู้เผด็จการเพียงแค่หน้าฉาก หลังฉากไม่ได้เป็นอย่างนั้น ที่จริงแล้วตัวตนไม่สามารถปกปิดได้ สักวันก็ต้องมีคนรู้อยู่ดี เหมือนกับสาริกากิ่งทอง ที่ใครจะรู้ได้ว่า แท้ที่จริงแล้วเป็นผู้หญิง

สโรชา - อันนี้ต้องฟังเพลง พรุ่งนี้นะคะ วันนี้จริงๆ แล้วไม่อยากจะคุยเรื่องนี้เลย แต่ว่าคงจำเป็นต้องคุย เรื่องของการไปสุ่มตรวจโรงแรมม่านรูด ของบรรดาเจ้าหน้าที่ตำรวจ จริงๆแล้วเกิดขึ้นทุกปี แล้วก็เป็นข่าวคึกโครมทุกปีเช่นกัน ว่ามีการตั้งด่านหน้าโรงแรมม่านรูด หรือว่ามีการตรวจในสถานบริการ สวนสาธารณะ เพื่อป้องกันไม่ให้วัยรุ่นไปมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัย แต่แอ้มเชื่อว่าอาจารย์คงจะให้แง่คิดในเรื่องนี้ได้ดี ในลักษณะที่ว่าจะตรวจกัน หรือว่าจะมาให้ความสำคัญในเรื่องนี้ เฉพาะวันวาเลนไทน์ หรือว่าเราจะต้องกลับมาทบทวน จิตสำนึกการให้ความรู้ หรือว่าการปลุกจิตสำนึกของเด็กเยาวชนในยุคนี้ว่า มันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะต้องเป็น

ปานเทพ - อย่างที่บอกครับว่า ในช่วงปีกว่าที่ผ่านมา รัฐบาลที่เราน่าจะเชื่อได้ว่าเป็นรัฐบาลที่เกิดขึ้นมา และจะสร้างคุณธรรม สร้างจริยธรรมให้เกิดขึ้นในสังคม เราไม่ได้เกิดอะไรขึ้นเลย ไม่ได้เกิดการสร้างกระแสให้สังคม ปลูกจิตสำนึกของความรักชาติ รักแผ่นดิน หรือเห็นแก่บ้านเมือง เดี๋ยวนนี้สังคมก็ไปสนใจวันวาเลนไทน์มากกว่าวันมาฆบูชา เป็นส่วนใหญ่ ทั้งหมดก็อยู่ที่ผู้นำประเทศ อยู่ที่ครอบครัว วันดีคืนดีเปิดทีวีมาก็เห็นนักการเมือง ที่ไม่เป็นตัวอย่างที่ดีต่อสังคมได้ บอกว่ารัฐธรรมนูญมันไม่ดี ไม่ถูกใจก็อยากจะแก้ กฎหมายอะไรไม่ถูกใจก็อยากจะแก้เพื่อตัวเอง ผมยังคิดเลยว่า

ปานเทพ - ผมไปอ่านบทกวีบางบท ก็ยังนึกถึงการแก้รัฐธรรมนูญ ว่าคนสมัยก่อนคิดอย่างไร ปรากฏว่าไปเจอหนังสือมาคุณแอ้ม ชื่อหนังสือ "กวีนิพนธ์บนถนนประชาธิปไตย" ซึ่งจัดทำโดยกองทุนศรีบูพา ร่วมกับสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย สโมสรสยามวรรณศิลป์ หนังสือดีมากเลยนะครับ เป็นบทกวีที่เรียบเรียงมานานมาก ผมไปเจอบทกวีบทหนึ่ง เรื่องของร่างรัฐธรรมนูญ เป็นร่างรัฐธรรมนูญปี พ.ศ.87654321 เขียนโดยคุณธงไทย สุวรรณคีรี ลงในมติชนสุดสัปดาห์ วันที่ 28 กันยายน 2521

ปานเทพ - ซึ่งตอนนั้นเกิดเหตุการณ์ความวุ่นวาย การริดลอนเสรีภาพในตอนนั้นซึ่งโหดเหี้ยมมาก บังเอิญว่า บทกวีนี้เป็นบทกวีที่ดี แต่ว่าบางอย่างไม่สอดคล้องกับปัจจุบัน ผมเลยขออนุญาตดัดแปลงออกมาเป็นในปี 2551 ว่าถ้ามีรัฐบาลชุดหนึ่งมาทำ แล้วอยู่ในภาวะที่เป็นแต่โลกของอธรรม กฎหมายรัฐธรรมนูญจะออกมาเป็นอย่างไรก็ได้ ถ้านักการเมืองคิดแต่ว่าตัวเองมีอำนาจ ตัวเองอยากทำอะไรก็ทำ และคิดว่าประชาชนสามารถสั่งอะไรก็ได้ที่ตัวเองสามารถควบคุมได้ บางทีกฎหมายรัฐธรรมนูญปี 2551 อาจจะเป็นอย่างนี้ก็ได้คุณแอ้ม มีเพียงแค่ 13 มาตราเป็นหลัก มาตราที่ 1 ประเทศนี้มีเพียง 1 ใครอย่างเที่ยวทะลึ่งแบ่งพรรคเป็น 5 มาตราที่ 2 ต้องมีรัฐสภาที่โกง และลากมาตั้งรัฐบาล มาตรา 3 ให้ตูข้าเป็นนายก ต้องยืดอก สืบนอมินีถึงลูกหลาน มาตรา 4 ให้เสรีตุลาการ แต่ต้องเชื่อรัฐบาลทุกคดี มาตรา 5 ศาสนานับถือได้ แต่ใส่ความพวกคัดค้านเป็นภูตผี มาตรา 6 ให้ประชามีเสรี แต่ห้ามพูด ห้ามทีวี ห้ามโฆษณา มาตรา 7 ให้สิทธิการชุมนุม แต่ใครขืนจะจับกุม จะถูกล่า มาตรา 8 รัฐพึงช่วยผู้ป่วยนะ แต่อย่าให้พ่อค้ายาต้องกระเทือน มาตรา 9 ผีหัวขาด 111 ยังไม่เข็ดต้องกลับมาเพื่อบิดเบือน มาตรา 10 ให้ทหาร พลเรือน หนี้ครัวเรือนท่วมหัวทุกหลังคา มาตรา 11 พึงรักษาบุคลากร อาชญากรมีตำแหน่งได้ถ้วนหน้า มาตรา 12 สงครามกับยาบ้า ชาวบ้านถูกฆ่าได้เกลื่อนเมือง มาตรา 13 เป็นบทเฉพาะกาล แต่ให้ใช้ยาวนานตลอดเรื่อง ให้พวกตูผู้เดียวได้ครองเมือง เพราะมันเฟื่อง มันฟู ตูชอบเอย

สโรชา - เข้าท่า สะท้อนได้อย่างครบถ้วนทุกมิติ กับสิ่งที่เราเผชิญอยู่ใน 2551

ปานเทพ - นอกจากหนังสือเล่มนี้ ก็ยังมีอีกนิดนึง แต่ว่าเอาไว้พรุ่งนี้ดีกว่า จะพูดถึงความรู้สึกท้อแท้ของประชาชน กับความหวังว่าเราควรจะยืนอย่างไรในเวลาที่เหลือ ก็เป็นว่าไว้พรุ่งนี้ดีกว่า จะเล่าถึงพระราชนิพนธ์สำคัญๆ ให้ฟัง วันนี้หมดเวลาแล้วใช่ไหมครับ

สโรชา - หมดเวลาแล้วคะ พบกันใหม่ในวันพรุ่งนี้ สวัสดีคะ/สวัสดีครับ

คลิกที่นี่ เพื่อชมวิดีโอคลิป
รายการยามเฝ้าแผ่นดิน ช่วงที่ 1

( 56 k ) | ( 256 K )



คลิกที่นี่ เพื่อชมวิดีโอคลิป
รายการยามเฝ้าแผ่นดิน ช่วงที่ 2

( 56 k ) | ( 256 K )


กำลังโหลดความคิดเห็น