xs
xsm
sm
md
lg

เปิดใจ "ดร.วีระพงษ์" เด็กยากจนโชคดีที่ได้เรียน ชิงทุนจนจบป.เอก จากอังกฤษ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"ดร.วีระพงษ์ ประสงค์จีน" อ.ประจำคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้มาเปิดใจจากเด็กยากจนธรรมดาคนหนึ่ง กลับจากโรงเรียนมาเลี้ยงวัวเลี้ยงควาย พ่อแม่ทำอาชีพชาวนา และสิ่งเดียวที่พ่อแม่มีให้คือ "การศึกษา" มุมานะจนจบปริญญาเอกจากประเทศอังกฤษ ผ่านรายการพระอาทิตย์LIVE ในประเด็น "ความสำเร็จมาจากความพยายาม"



วันนี้ ( 5 มิ.ย. ) ดร.วีระพงษ์ ประสงค์จีน หรือดร.แกง อาจารย์ประจำคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บุคคลสู้ชีวิตและบุคคลตัวอย่างในการสู้ชีวิต เป็นเด็กต่างจังหวัดที่มีฐานะทางบ้านยากจน แต่อาศัยความพากเพียร มุมานะ ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนเพื่อชีวิตที่มีขึ้นของตัวเอง จากเด็กต่างจังหวัดจนสามารถเข้ามาเรียนในกรุงเทพมหานคร และยังสามารถชิงทุนการศึกษาไปเรียนต่อต่างประเทศ จนจบทั้งปริญญาโทและปริญญาเอกที่ประเทศอังกฤษ เพื่อกลับมานำข้อมูลที่ได้เล่าเรียนมาพัฒนาบ้านเมือง ล่าสุดเป็นอาจารย์ประจำที่คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และบุคคลากรท่านนี้ยังทำงานอีกหลากหลายช่องทาง และข้อคิดจากอาจารย์ท่านนี้บอกว่า "โอกาสในชีวิตของทุกคน สามารถสร้างได้เสมอ" และยังมีโค้ดคำพูดในหนังสือเล่มหนึ่งของอาจารย์ท่านนี้ที่ได้นิยามว่า "แม่จบป.4 เป็นชาวนาธรรมดา กลับมาจากโรงเรียนมาเลี้ยงวัว เลี้ยงควาย โชคดีได้เรียนหนังสือ และครูแนะนำให้รับทุน"

ดร.วีระพงษ์ ประสงค์จีน กล่าวว่า นอกจากเป็นอาจารย์ประจำคณะเภสัชศาสตร์แล้ว งานหลักก็คือเป็นวิทยากรบรรยายเพื่อให้น้องๆ ที่อยู่ต่างจังหวัด สามารถที่จะมีทางเลือกชีวิต สามารถที่จะวิเคราะห์ตัวเองได้ วิเคราะห์ต้นทุนตัวเองสามารถที่จะมีความรักในเรื่องราวของท้องถิ่น นอกจากนี้จะทำให้เขาเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง ไม่จำเป็นต้องรวย มีเงินเยอะ ครอบครัวที่อยู่ต่างจังหวัดก็สามารถส่งเสริมสร้างสภาพแวดล้อมให้กับน้องๆ ที่อยู่ต่างจังหวัด สามารถที่จะโตได้และโตดีในแบบฉบับของเขาเอง และนี่คือสิ่งที่ผมเน้นย้ำอยู่ตลอดเวลา เหมือนกับที่ผมโตมาทุกวันนี้ ผมได้ถอดรหัสชีวิตตนเอง พยายามที่จะเอาเส้นทางชีวิตตัวเอง เป็นแบบอย่างและพยายามถ่ายทอดให้กับน้องๆ ว่า ผมทำอะไรมาบ้างและผมได้คิดค้นว่าผมต้องวิเคราะห์ตัวเองก่อน เป็นใครมาจากไหน ครอบครัวเป็นยังไงบ้าง และมีต้นทุนชีวิตยังไงบ้าง พยายามเชื่อมโยงกับท้องถิ่น

อาจารย์ประจำคณะเภสัชศาสตร์ กล่าวต่อว่า งานต่อมาเป็นงาน STEM Ambassador เหมือนกับวิทยากรบรรยายโดย S ย่อมาจาก Science วิทยาศาสตร์ T ย่อมาจาก Technology เทคโนโลยี E ย่อมาจาก Engineering วิศวกรรมศาสตร์ และ M ย่อมาจาก Mathematics คณิตศาสตร์ เพราะว่ารัฐบาล หน่วยงานต่างๆ ผลักดันให้กับน้องๆ ได้รู้จัก STEM ได้มากขึ้น โดย STEM Ambassador มีหน้าที่ให้แรงบันดาลใจให้กับนักเรียน ให้เข้าใจว่า STEM มันเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน และนักเรียนจะเข้าถึงอย่างไรในที่ศึกษา โดยที่ STEM Ambassador เป็นตัวแทนจากอาชีพต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับวิชา STEM ไม่ว่าเป็นนักบิน วิศวกร นักธุรกิจ ผู้ประกอบการ เหมือนผมที่เป็นนักวิจัยเกี่ยวกับด้านสมองและสเต็มเซลล์ ผมก็อาศัยความรู้ของตัวเองไปช่วยน้องๆ และไปจัดกิจกรรมกับคุณครูที่โรงเรียน เพื่อที่จะให้น้องๆ เขาได้รู้กับ STEM และอยากจะเรียนกับด้านนี้ โดยจะจัดการเรียนการสอนให้ตรงกับเด็กที่มาเรียนกับเราให้แบบง่ายๆ ตั้งแต่เด็กอนุบาล ประถมศึกษา มัธยมศึกษา ก็จะวิธีการสอนเรียนรู้ให้แตกต่างกัน

ดร.วีระพงษ์ ประสงค์จีน กล่าวต่อว่า ความฝันในตอนเด็กก็มีนักข่าว นักการฑูต หรือไม่ก็เป็นพระเอกหมอลำ เริ่มแรกความฝันที่จะเป็นนักข่าวคือเมื่อตอนมัธยมศึกษาตอนต้น ด้วยเราเป็นเด็กกิจกรรม ประถมศึกษาปีที่ 6 คุณครูก็จับมาอ่านทำนองเสนาะ ขับเสหา ก็เลยอยากใช้ภาษาพอขึ้นมัธยมศึกษาตอนต้นก็มีคุณครูภาษาไทยมาช่วยสอนเราต่อ และได้เป็นคณะกรรมการนักเรียน ค่อยพูดหน้าเสาธง นำสวดมนต์ ทำให้เราชอบที่จะพูด ส่วนความใฝ่ฝันที่อยากจะเป็นนักการฑูตคือผมเห็นในโทรทัศน์นักการฑูตใช้การพูดภาษาอังกฤษ ซึ่งตอนมัธยมศึกษาตอนต้นชอบก็ชอบภาษาอังกฤษอยู่แล้ว และมีโอกาสได้สอบชิงทุนไปประเทศนิวซีแลนด์ และคนที่สามารถสอบได้ไม่ใช่ที่ 1 ต้องออกเงินสมทบทุนประมาณ 20,000-30,000 บาท ซึ่งตอนนั้นทางบ้านไม่มีเงินที่จะสามารถสมทบให้เราไปเรียนได้ มันก็เลยเป็นความฝังใจว่า เราอยากพัฒนาภาษาอังกฤษ และเราก็อยากทำอาชีพที่เดินทางทั่วโลกแล้วก็ได้ใช้ภาษาอังกฤษ ก้เลยทำให้เราอยากเป็นนักการฑูต

"โดยพื้นฐานผมเป็นคนอำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งฐานะที่บ้านค่อนข้างยากจนมาก เพราะว่าพ่อกับแม่เป็นชาวนา ตอนเด็กก็ต้องไปช่วยพ่อแม่ทำนา และมีพี่สาวหนึ่งคน ตอนนี้ทำอาชีพนักกำหนดอาหาร นักโภชนาการที่วชิระพยาบาล ซึ่งสมัยก่อนบ้านเป็นบ้านไม้ด้านล่างมีคอกวัว คอกควาย เราก็ไปเลี้ยงวัวเลี้ยงควาย ทำนาช่วยพ่อแม่ หลังจากนั้นพ่อกับแม่ก็เปลี่ยนอาชีพมาปลูกผักขาย เพราะทำนามีแต่ขาดทุน คอยช่วยแม่รดน้ำผักแล้วเอาผักที่ปลูกไปขายตามตลาดสด บางทีก็ตี 4 ตี 5 ไปซื้อผักที่ตลาดขายส่ง ซึ่งตอนนั้นทำตั้งแต่เรียนประถมศึกษา ตอนนั้นลำบากมากแต่เราไม่คิดอย่างนั้นเพราะด้วยความเคยชินของเรา และต้องตั้งใจเรียนเพราะว่าครอบครัวเราตอนนั้นยากจนไม่ได้สบายเหมือนกับคนอื่น เพื่อนบางคนไปเรียนกวดวิชาที่ขอนแก่น แต่เราต้องช่วยแม่ขายผักไปด้วยอ่านหนังสือไปด้วย ความลำบากแต่เรารู้สึกว่าไม่เป็นปมด้อยอะไรเพราะพ่อแม่บอกเสมอว่าต้องตั้งใจเรียน พ่อแม่ไม่ได้มีมรดก ไม่ได้รวย ซึ่งเราเข้าใจดี สิ่งที่แม่ย้ำตลอดเวลาคือต้องตั้งใจเรียน เป็นสิ่งเดียวที่พ่อแม่มอบให้ได้คือโอกาสทางการศึกษา ผมจึงคิดว่าพ่อแม่เรียนจบน้อย เราก็ต้องเรียนหนังสือให้สูงที่สุด เพื่อให้ชีวิตของเราดีขึ้น ครอบครัวก็จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น"ดร.วีระพงษ์กล่าว

โดย ดร.วีระพงษ์ ประสงค์จีน หรือดร.แกง ได้กล่าวทิ้งท้ายถึงเด็กๆ ที่ความท้อในตัวเองให้มีกำลังใจขึ้นมาว่า "น้องๆ แต่คนมีต้นทุนชีวิต น้องๆ แต่ละคนมีที่มาที่ไป มีกำพืดไม่เหมือนกัน แต่กำพืดเหล่านี้ ทั้งครอบครัว ทั้งท้องถิ่น ทั้งวัฒนธรรม และทั้งความเป็นตัวเรา มันทำให้เราส่งเสริมให้เราอยู่ได้ ให้เรามีจุดแข็ง ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเอาจุดแข็งของเรามาใช้ประโยชน์รึเปล่า บางทีเราเอาเรื่องของเราไปเล่าให้คนอื่นฟังจนเขาเกิดอารมณ์ขบขัน แต่ถ้าเราเอาเรื่องจุดแข็งของเรา เหมือนกับผมที่รู้สึกว่า ผมเกิดที่ร้อยเอ็ด เป็นเด็กกลางทุ่งนา ซึ่งเราก็ผ่านมาได้แล้ว เพราะมันเป็นจุดแข็งของเรา เราก็เอาเรื่องที่เป็นจุดแข็งของเรามาพัฒนาต่อยอดให้เราดีขึ้น และทุกวันนี้เราไม่ค่อยสนใจสิ่งรอบข้าง เรามองสิ่งที่อยู่ไกลตัวในสิ่งที่เราอยากจะเป็นอยากจะมี ทำให้เด็กๆ บางคนไม่ได้มาดูว่าปู่ย่าตายาย ทำอะไรให้ดูเยอะแยะแล้วมันก็หายไป ซึ่งองค์ประกอบนี้ทำให้เขาชูจุดเด่นของเขาได้ และทุกคนมีคุณค่าในตัวของเราเอง อยู่ที่ว่าเราจะต้องหาให้เจอ และโอกาสอยู่ตัวเราสามารถสร้างได้เสมอ"


กำลังโหลดความคิดเห็น