xs
xsm
sm
md
lg

KTAM โชว์ 6 กอง FIF เด่น ติด 1 ใน 5 ของอุตสาหกรรม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บลจ.กรุงไทยโชว์ 6 กองต่างประเทศผลงานเด่น ทั้งหุ้น US ยุโรป อาเซียน เฮลท์แคร์พาเหรดติดอันดับมอร์นิ่งสตาร์ ระบุสหรัฐฯ เศรษฐกิจดีทนแรงกดดันขึ้นดอกเบี้ยได้ ส่วนยุโรปนิ่งหลังการเมืองคลี่คลาย

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กองทุนต่างประเทศของบริษัทมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ลงทุน และอยู่ในอันดับต้นๆ ของอุตสาหกรรม จากการจัดอันดับของ Morningstar โดยกองทุนเปิดเคแทม ยูโรเปี้ยน อิควิตี้ ฟันด์ (KT-EURO) กองทุนเปิดเคแทม อินเดีย อิควิตี้ ฟันด์ (KT-India) และกองทุนเปิดเคแทม อาเซียน อิควิตี้ ฟันด์ (KT-ASEAN) อยู่ในอันดับที่ 1 ของกองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดในอุตสาหกรรม ส่วนกองทุนเปิดเคแทม โกลบอล แม็คโคร ออพเพอทูนิตี้ ฟันด์ (KT-GMO) อยู่ในอันดับที่ 2 กองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ เฮลธ์แคร์ ฟันด์ (KT-Healthcare-A) อยู่ในอันดับ 3 และกองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ คอปเปอร์เรท บอนด์ ฟันด์ (KT-WCORP) อยู่ในอันดับที่ 4 ของอุตสาหกรรม จากการจัดอันดับจาก Morningstar ณ วันที่ 10 ตุลาคม 2560

ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาบริษัทได้เสาะแสวงหาการลงทุนในตราสารใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ลงทุน กองทุน KT-EURO มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Invesco Continental European Small Cap Equity (Master Fund) มีเป้าหมายในการเติบโตของเงินลงทุนในระยะยาว โดยจะลงทุนในบริษัทขนาดเล็กในกลุ่มประเทศในทวีปยุโรป ยกเว้นอังกฤษ กองทุน KT-India ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Invesco India Equity Fund ที่มีกลยุทธ์การลงทุนมุ่งเน้นไปที่หลักทรัพย์ที่ได้รับประโยชน์จากนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจการเติบโตภายในของประเทศอินเดียเป็นหลัก อินเดียกำลังเข้าสู่ช่วงวัฏจักรของการเติบโต และเศรษฐกิจมหภาคที่มั่นคง โดย World Bank คาดว่า GDP อินเดียโต7.6 % ในปีนี้ และ7.8% ในปี 2018 และปี 2019 กองทุน KT-ASEAN ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน JP Morgan ASEAN Equity โดยกองทุนจะลงทุนในหุ้นที่มีภูมิลำเนาอยู่ในหรือมีผลการดำเนินงานหลักของบริษัทมาจากประเทศที่เป็นสมาชิกในกลุ่มอาเซียน ได้แก่ ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม

กองทุน KT-GMO ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน JP Morgan Macro Opportunities Fund โดยกองทุนมีวัตถุประสงค์เพื่อการบรรลุเป้าหมายการเติบโตของเงินทุนในส่วนที่เกินจากดัชนีอ้างอิง โดยการลงทุนส่วนใหญ่จะลงทุนในตราสารทั่วโลก มุ่งเน้นที่จะสร้างผลตอบแทนที่เป็นบวกในทุกภาวะตลาด

กองทุน KT-HEALTHCARE ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Janus Life Sciences Fund กองทุนตั้งเป้าได้รับผลตอบแทนสม่ำเสมอในระยะยาวที่ความผันผวนต่ำกว่าคู่แข่ง โดยเน้นลงทุนในตราสารทุนของบริษัทต่างๆ ทั่วโลกที่มีความเกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ ด้านการดำเนินชีวิต การรักษา รวมถึงบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย พัฒนา ผลิตภัณฑ์และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ และบริการที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลตนเอง การแพทย์ หรือเภสัชกรรม กองทุน KT-WCORP ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Blackrock Global Corporate Fund ที่เน้นให้ความสำคัญในการสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ โดยใช้กลยุทธ์ในการบริหารความเสี่ยงของพอร์ตลงทุน ซึ่งจะกระจายการลงทุนในตราสารหนี้

สำหรับภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาขยายตัวกว่า 3.1% โดยมีแรงหนุนจากภาคการลงทุนและการบริโภค ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างชัดเจนที่สุดคือตลาดแรงงาน ซึ่งล่าสุดจากรายงานตัวเลขอัตราการว่างงานเดือน ก.ย.อยู่ที่ 4.2% ต่ำสุดในรอบเกือบ 17 ปี และแม้ว่าปัจจุบันอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ อาจชะลอตัวลงบ้าง แต่ด้วยตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งนั้นจะทำให้คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะค่อยๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้นในอนาคต และด้วยตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีนั้นทำให้นโยบายการเงินของสหรัฐฯ มีแนวโน้มตึงตัวมากขึ้น เฟดได้ประกาศลดงบดุลอย่างเป็นทางการซึ่งจะเริ่มดำเนินการจริงเดือน ต.ค.นี้ และดอกเบี้ยนโยบายน่าจะปรับขึ้นต่อเนื่อง แต่บริษัทคาดว่าจะมีผลกระทบค่อนข้างจำกัด เนื่องจากขนาดงบดุลยังค่อนข้างน้อยในระยะแรกเริ่ม และเศรษฐกิจที่ดีขึ้นสามารถทนทานต่อแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นได้

ส่วนเศรษฐกิจฝั่งยุโรปก็มีแนวโน้มฟื้นตัวชัดเจนขึ้น GDP ขยายตัวกว่า 2.3% จากการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศทั้งการบริโภคและการลงทุน สอดคล้องกับดัชนีอื่นๆ ทั้ง PMI และอัตราการว่างงาน นอกจากนี้ ประเด็นความเสี่ยงทางการเมืองของยุโรปลดลงไป ภายหลังจากผ่านการเลือกตั้งของเนเธอร์แลนด์ และเยอรมนี

ส่วนอุตสาหกรรม Healthcare ได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนของนโยบาย Healthcare อันใหม่ของประธานาธิบดีทรัมป์ที่จะนำมาทดแทน Obamacare จึงทำให้ตลาดยังให้ความคลุมเครือเกี่ยวกับปัจจัยกระตุ้นดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีทรัมป์ได้มีคำสั่ง Executive Order ให้ผ่อนปรนกฎระเบียบเกี่ยวกับการกำกับบริษัทยา (Pharmaceuticals) มากขึ้น ซึ่งเป็นส่วนกระตุ้นสำคัญในภาคอุตสาหกรรม
กำลังโหลดความคิดเห็น