บลจ.กสิกรไทยชี้เงินไหลเข้าต่อเนื่องหลังประชามติ หนุนหุ้นไทยปีนี้อาจโตทะลุ 1,550 จุด แนะลงทุนหุ้นกลาง-เล็ก เหตุมีโอกาสปรับตัวสูงกว่าหุ้นขนาดใหญ่ที่มีอัปไซด์จำกัด ระบุ 5 ปีย้อนหลังผลตอบแทนเฉลี่ยสูงกว่าดัชนีถึง 6%
นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มการปรับตัวขึ้นของหุ้นขนาดใหญ่ในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้อาจมีจำกัดเนื่องจากปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมากแล้ว ขณะที่หุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กมองว่าน่าจะมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ดีกว่า โดยตัวเลขผลประกอบการไตรมาส 2 ที่ออกมามีหุ้นขนาดกลางและเล็กหลายตัวที่มีผลประกอบการดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ การที่จำนวนของหุ้นขนาดกลางและเล็กที่มีอยู่มากกว่า 500 ตัว ทำให้ผู้จัดการกองทุนมีโอกาสคัดเลือกหรือแสวงหาหุ้นที่มีความน่าสนใจ เช่น หุ้นที่ยังมีมูลค่าไม่แพงแต่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี หรือหุ้นขนาดกลางและเล็กที่ราคาปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องและยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นหรือสามารถเติบโตกลายเป็นหุ้นขนาดใหญ่ในอนาคตได้ โดยจากการศึกษาข้อมูลย้อนหลัง 5 ปี พบว่าหุ้นขนาดกลางและเล็กสามารถให้ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยสูงกว่า SET Index อยู่ที่ประมาณ 6%
“ที่ผ่านมาดัชนีหุ้นไทยมีการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีแรงหนุนจากนักลงทุนต่างชาติซึ่งมียอดเข้าซื้อสุทธิกว่า 1 แสนล้านบาท โดยเฉพาะในช่วงเดือนมิถุนายนที่มีแรงซื้อเข้ามาค่อนข้างมาก และยังไหลเข้าต่อเนื่องภายหลังผลการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญผ่านเป็นที่เรียบร้อย ทั้งนี้ เมื่อเทียบดูข้อมูล 3 ปีย้อนหลังตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556-2558 พบว่านักลงทุนต่างชาติมียอดขายสุทธิออกจากตลาดหุ้นไทยกว่า 4 แสนล้านบาท จึงมองว่าหากอัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับต่ำต่อไป เม็ดเงินลงทุนอาจมีโอกาสไหลกลับเข้ามาได้อีก และถ้าผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนมีการปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง อาจทำให้ SET Index สามารถปรับตัวสูงขึ้นจากที่ปัจจุบันคาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 1,550 จุด ในช่วงปลายปีได้” นางสาวธิดาศิริกล่าว
นางสาวธิดาศิริกล่าวอีกว่า ปัจจุบันบริษัทมีกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กโดยเฉพาะ คือกองทุนเปิดเค Mid Small Cap หุ้นทุน (K-MIDSMALL) โดยกองทุนมีนโยบายลงทุนในหุ้นของบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) ไม่เกิน 50,000 ล้านบาท และเน้นการคัดเลือกหุ้นของบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีความมั่นคง และมีแนวโน้มการเจริญเติบโตทางธุรกิจที่ดีในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) หรือตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (MAI) โดยเฉลี่ยไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สุทธิของกองทุน ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมากองทุนสามารถสร้างผลการดำเนินงานที่โดดเด่นและสามารถเอาชนะเกณฑ์มาตรฐานได้อย่างสม่ำเสมอ โดยผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือน ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 14.50% เอาชนะเกณฑ์มาตรฐานดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ซึ่งอยู่ที่ 11.03% ส่วนผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือนให้ผลตอบแทนที่ 23.10% เอาชนะเกณฑ์มาตรฐานซึ่งอยู่ที่ 16.56% และผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปีให้ผลตอบแทนที่ 27.05% เอาชนะเกณฑ์มาตรฐานซึ่งอยู่ที่ 11.58% (ข้อมูล ณ วันที่ 19 ส.ค. 2559)
นอกจากนี้ บลจ.กสิกรไทยยังมีกองทุน RMF ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก ได้แก่ กองทุนเปิดเค Mid Small Cap หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (KMSRMF) ซึ่งได้จัดตั้งกองทุนไปเมื่อช่วงเดือนกันยายนของปีที่ผ่านมา เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนระยะยาวเพื่อความมั่นคงในวัยเกษียณ รวมถึงต้องการได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ทั้งนี้ กองทุน KMSRMF สามารถสร้างผลดำเนินงานที่โดดเด่นเช่นเดียวกัน โดยให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 13.29% เอาชนะเกณฑ์มาตรฐานซึ่งอยู่ที่ 11.03% และให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 21.83% เอาชนะเกณฑ์มาตรฐานซึ่งอยู่ที่ 16.56% (ข้อมูล ณ วันที่ 19 ส.ค. 2559)