ภาพรวมการลงทุนในกลุ่มประเทศอาเซียนในช่วงครึ่งแรกของปี 2559 มีหลายปัจจัยสำคัญเข้ามากระทบทั้งทางตรง และทางอ้อมต่อทิศทางการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นความกังวลในเศรษฐกิจของประเทศจีน ราคาพลังงานที่ยังคงผันผวน โอกาสในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐอเมริกา และล่าสุดกับสถานการณ์ Brexit
อย่างที่ทราบกันดีว่าการทำประชามติของสหราชอาณาจักร (Brexit) ได้ส่งผลให้เกิดความผันผวนในตลาดหุ้น และค่าเงินทั่วโลก แต่สำหรับผลกระทบทางเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียนยังถือว่ามีค่อนข้างจำกัด อีกทั้งเม็ดเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติยังไหลกลับเข้าตลาดหุ้นอาเซียนอย่างต่อเนื่องหลังจากผลประชามติ (รายละเอียดในตาราง 1) ดังนั้นหากเปรียบเทียบในแง่ของผลกระทบเชิงลบแล้ว ภูมิภาคอาเซียนนับว่ากระทบน้อยกว่าภูมิภาคอื่นๆ
ตารางที่ 1 : ดัชนีตลาดหุ้นอาเซียน
สำหรับประเทศในภูมิภาคอาเซียนที่ บลจ.กสิกรไทยเลือกลงทุนอยู่นั้น ประเทศที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจน้อยมากจากสถานการณ์ Brexit คือ ประเทศอินโดนีเซีย และประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่ง บลจ.กสิกรไทยยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนในสองประเทศนี้ โดยประเทศอินโดนีเซียเป็นประเทศที่ บลจ.กสิกรไทยให้น้ำหนักการลงทุนมากที่สุด เนื่องจากปัจจัยหนุนในประเทศที่เป็นรูปธรรมชัดเจน อาทิ แผนพัฒนาเศรษฐกิจของประธานาธิบดีที่มุ่งเน้นการปฏิรูปงบประมาณประเทศเพื่อนำงบประมาณไปใช้ในส่วนที่ก่อให้เกิดการเจริญเติบโตของประเทศ เช่น การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน โดยที่ลดการอุดหนุนด้านเชื้อเพลิง เราจะเห็นได้ว่ารัฐบาลอินโดนีเซียได้เพิ่มงบประมาณการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานต่อ GDP จาก 1.5% ในปี 2557 เป็น 2.5% ในปี 2559 ตลอดจนการผ่านร่างกฎหมายนิรโทษกรรมทางภาษีเมื่อเร็วๆ นี้ เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง และฐานภาษีภายในประเทศ แสดงให้เห็นถึงความเอาจริงเอาจังในการพัฒนาประเทศ ซึ่งในทางอ้อมจะก่อให้เกิดการจ้างงานจากการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศ ในขณะเดียวกัน ด้านเงินเฟ้อที่เคยเป็นปัญหาสำคัญของประเทศในสองสามปีที่ผ่านมานั้นลดความรุนแรงลงทำให้ธนาคารกลางอินโดนีเซียสามารถดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินอย่างต่อเนื่อง และเมื่อเร็วๆ นี้ธนาคารกลางอินโดนีเซียได้ผ่อนคลายกฎเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัย ทำให้กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ได้รับประโยชน์จากยอดจองบ้าน/คอนโดฯ ใหม่ที่สูงขึ้น ที่สำคัญ การบริโภคภายในประเทศจะยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่องจากปัจจัยภายในประเทศที่ได้กล่าวมาในข้างต้นเกื้อหนุน
ด้านประเทศฟิลิปปินส์ บลจ.กสิกรไทยให้น้ำหนักการลงทุนในระดับสูงเช่นกัน เนื่องจากเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตสูงเป็นอันดับต้นๆ ของภูมิภาค รวมทั้งมีเสถียรภาพทางการเมือง ภายหลังผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่ง โรดริโก ดูเตอร์เต ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่ง พร้อมได้แถลงแผนเศรษฐกิจ 8 ข้อ โดยเน้นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ลดข้อจำกัดในการลงทุนของเงินทุนจากต่างประเทศ และเน้นการกระจายรายได้ภายในประเทศ ในขณะที่ยังคงสนับสนุนนโยบายหลักของประธานาธิบดี เบนิกโน อากีโน ซึ่งจะทำให้การดำเนินงานทางภาครัฐมีความต่อเนื่อง ในด้านเศรษฐกิจประเทศฟิลิปปินส์ยังมีการเจริญเติบโตจากการบริโภคในประเทศที่แข็งแกร่ง ในขณะเดียวกัน กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และกลุ่มพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน จะได้รับประโยชน์จากนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่เช่นกัน
สำหรับประเทศไทย ประเทศมาเลเซีย และประเทศเวียดนาม แม้ว่าจะพึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก แต่มิได้หมายความว่าทุกอุตสาหกรรมในประเทศจะได้รับผลกระทบในเชิงลบทั้งหมด เพราะด้วยปัจจัยในด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เริ่มเห็นเป็นรูปธรรมชัดเจน หนี้สินต่อครัวเรือนที่ค่อยๆ ลดลง ตลอดจนอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพในระบบที่จะปรับตัวดีขึ้น บวกกับตัวเลขเกินดุลบัญชีเดินสะพัดที่เกินดุลส่งผลให้ค่าเงินบาทมีเสถียรภาพ ประเทศมาเลเซียแม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันตกต่ำ และผลของการขึ้นภาษีการขายและบริการ (GST) ในปีที่ผ่านมา เรายังคงมีความเชื่อมั่นบางกลุ่มอุตสาหกรรมในประเทศ เช่น กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งรัฐบาลมาเลเซียได้ผลักดันโครงการโครงสร้างพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นรถไฟใต้ตินสายที่สอง (MRT) และรถไฟฟ้าขนาดเล็กสายที่สาม (LRT) ในส่วนของประเทศเวียดนามนั้นมิได้พึ่งพาการส่งออกแต่เพียงอย่างเดียว ประเทศยังมีการเจริญเติบโตของการบริโภคในประเทศที่ค่อนข้างสูง และยังคงมีความต้องการด้านอสังหาริมทรัพย์อยู่มาก ซึ่งปัจจัยในประเทศยังคงสนับสนุนการเจริญเติบโตของประเทศได้ต่อไป
แม้ว่าผลออกของการลงประชามติ Brexit นั้นจะส่งผลในเชิงลบต่อเศรษฐกิจโลก แต่ผลกระทบที่มีต่อเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศอาเซียนนั้นค่อนข้างจำกัด ด้วยเหตุนี้ตลาดหุ้นอาเซียนจึงได้รับความสนใจ และสามารถเติบโตได้ในระดับที่ดี ในขณะที่ผลจากเหตุการณ์ Brexit ทำให้ธนาคารกลางหลักๆ ของโลกมีการผ่อนคลายนโยบายทางการเงินมากขึ้น ซึ่งเป็นอานิสงส์ต่อเนื่องยังตลาดหุ้นในอาเซียน ดังที่เห็นได้จากเม็ดเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติที่ไหลเข้าตลาดหุ้นอาเซียนอย่างต่อเนื่องหลังจากผลประชามติ Brexit จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตลาดอาเซียนมีเสน่ห์และดึงดูดนักลงทุนได้ดี และมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
คำเตือน : ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
จัดทำ ณ วันที่ 28 กรกฎาคม 2559 โดยฝ่ายจัดการกองทุนตราสารทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย)