xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นดิ่งทั่วโลกช็อกผลประชามติ โบรกฯ เตือนกลับมาโฟกัสเศรษฐกิจในประเทศ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


การลงประชามติของอังกฤษ 52% ให้แยกตัวออกจากสมาชิกสหภาพยุโรป หรือ อียู ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งลงอย่างถ้วนหน้าระหว่าง 2-3%

ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียว ปิดในวันนี้ทรุดตัวลง 1,286.33 จุด หรือ 7.92% แตะที่ 14,952.02 จุด

ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิต ตลาดหุ้นจีน ปิดตลาดวันนี้ร่วงลง 37.67 จุด หรือ 1.30% ปิดที่ 2,854.29 จุด

ดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดในวันนี้ร่วงลง 609.21 จุด หรือ 2.92% ปิดวันนี้ที่ 20,259.13 จุด

ดัชนีคอมโพสิต ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ (KOSPI) ปิดในวันนี้ร่วงลง 61.47 จุด หรือ -3.09% ปิดที่ 1,925.24 จุด

ส่วนประเทศไทย SET ปิดวันศุกร์ที่ 24 มิ.ย.59 ที่ 1,413.19 จุด ลดลง-23.21 จุด เปลี่ยนแปลง -1.62% มูลค่าการซื้อขาย 88,223.07 ล้านบาท โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,416.15 จุด และต่ำสุดที่ 1,393.83 จุด

นางสาวธีรดา ชาญยิ่งยงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นวันนี้ปรับตัวลดลง จากผลประชามติที่ประกาศชัดเจนแล้วว่าอังกฤษจะออกจากสหภาพยุโรป แต่ประเมินว่า กรณีดังกล่าวจะกระทบกับเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทยเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากการค้าของประเทศไทยกับกลุ่มประเทศยุโรป และอังกฤษมีประมาณ 2% แต่แนะนำให้ติดตามผลกระทบในด้านอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น การที่ประเทศสมาชิกอื่นๆ ในยุโรป อาจมีแนวคิดที่จะแยกตัวออกมาเพิ่มเติมในภายหลัง

ทั้งนี้ ประเมินดัชนีฯ ในสัปดาห์หน้าช่วงต้นสัปดาห์ อาจเห็นรีบาวนด์ทางเทคนิคต่อเนื่งอจากวันศุกร์ แต่ยังคงผันผวนทั้งสัปดาห์ ซึ่งจะเป็นผลกระทบจากกรณีที่ตลาดหุ้นยุโรปน่าจะผันผวน พร้อมให้แนวรับแรกที่ 1,395 จุด และ 1,360 จุด แนวต้าน 1,420 จุด ด้านกลยุทธ์แนะนำจับตาราคาหุ้นในกลุ่มที่ได้รับผลดีจากนโยบายของภาครัฐ และกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการบริโภคภายในประเทศ แนะนำ SCC CK AAV BCH
เช่นเดียวกับ นายกวี ชูกิจเกษม รองกรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย ยืนยันว่า การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือตลาดหุ้นไทย นักลงทุนควรพิจารณาปัจจัยภายในประเทศมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นกำลังซื้อในประเทศ การบริโภค และการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐฯ และในช่วงราคาหุ้นปรับตัวลงก็เป็นระยะเวลาที่เหมาะสมในการเข้าซื้อหุ้นสะสมเพิ่มเติม ทั้งนี้ บริษัทฯ พิจารณาปรับเพิ่มเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทยปีนี้จากเดิม 1,450 จุด เป็น 1,530 จุด และปรับประมาณการกำไรต่อหุ้น (EPS) เพิ่มขึ้นจากเดิม 89.2 บาท/หุ้น เป็น 92.7 บาท/หุ้น เนื่องจากสถานการณ์ตลาดหุ้นไทยมีทิศทางเชิงบวกตามภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่เริ่มฟื้นตัว ทั้งภาคการบริโภคในประเทศปรับตัวดีขึ้น และแนวโน้มการลงทุนภาครัฐคาดว่าจะชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลัง โดยให้ดูหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคในประเทศที่ได้รับผลบวกจากภาวะเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวดีขึ้น กลุ่มค้าปลีก กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง

นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ยืนยันว่า กรณีการลงประชามติการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปของอังกฤษ ส่งผลกระทบทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงในระยะสั้น โดยคาดว่าจะปรับตัวลดลงไม่แรงมากจนต้องใช้มาตรการสั่งพักการซื้อขายหลักทรัพย์เป็นการชั่วคราว (เซอร์กิต เบรกเกอร์) เพราะทุกคนทราบว่า วันนี้อังกฤษประกาศผลประชามติ ซึ่งทุกหน่วยงานในตลาดทุน ไม่ว่าจะเป็นบริษัทหลักทรัพย์ และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน มีการแนะนำให้นักลงทุนเตรียมพร้อมรับผลกระทบดังกล่าวล่วงหน้าแล้ว และเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในแถบเอเชีย พบว่าตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงน้อยกว่า

“เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในระยะสั้น แต่ต้องติดตามผลกระทบกับประเทศในกลุ่มอียูในระยะยาวว่าจะเป็นอย่างไร เพราะขณะนี้ยังไม่มีผู้ประเมิน จึงไม่มีข้อมูลในการอ้างอิง” นางเกศรา กล่าว

ทั้งนี้ เชื่อว่ากรณีดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบกับบริษัทที่เตรียมเข้าจดทะเบียนใน SET และ mai เพราะบริษัทดังกล่าวมีการเตรียมตัวมาพอสมควร ซึ่งเชื่อว่าจจะไม่ชะลอ

ด้าน นายรพี สุจริตกุล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้ความเห็นถึงกรณีอังกฤษลงมติออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ว่า ผลกระทบระยะสั้นในเรื่องความผันผวนของตลาดเงินของอังกฤษ และภูมิภาคอื่นๆ เป็นเรื่องที่มีการคาดการณ์กันไว้อยู่แล้ว ซึ่งคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะกระทบไปถึงความเชื่อมั่นของตลาดทุน ดังจะเห็นว่าตลาดหลักทรัพย์ต่างๆ ใน Asia Pacific มีดัชนีที่ลดลงในวันนี้ ในส่วนของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ลดลงอยู่ในช่วง 2-3% นั้น ถือว่าไม่มากเมื่อเทียบกับตลาดอื่นในภูมิภาค ซึ่ง ก.ล.ต.มองว่า เป็นเรื่องปกติ และระบบของตลาดหลักทรัพย์รองรับได้ไม่มีปัญหา
กำลังโหลดความคิดเห็น