ช่วงที่ผ่านมาภาพการลงทุนของตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียถือว่าฟื้นตัวได้ดีจากเหตุการณ์ BREXIT โดยเฉพาะตลาดหุ้นไทยได้เริ่มมีเงินลงทุนไหลกลับเข้าตลาดหุ้นบ้างบางส่วนแม้ว่ายังไม่ชัดมากนัก ส่วนหนึ่งมองว่าตัวเลขทางเศรษฐกิจภายในประเทศที่มีสัญญาณที่ดีขึ้น เช่น การบริโภคภาคเอกชนและการลงทุนภาคเอกชนมีสัญญาณขยายตัว อย่างไรก็ดี ความขัดแย้งของตัวเลขเศรษฐกิจก็ยังคงมีอยู่ โดยภาคการส่งออกของไทยยังมีแนวโน้มของปัญหาจากความผันผวนในอัตราแลกเปลี่ยน สะท้อนได้ว่ายังมีปัจจัยลบที่เข้ามากดดันความเชื่อมั่นของเศรษฐกิจไทย และส่งผลกระทบให้ตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนได้
ความเชื่อมั่นของตลาดหุ้นไทยถัดจากนี้ ผมให้น้ำหนักเรื่องการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศจะเป็นแรงสนับสนุนความน่าสนใจให้กับตลาดหุ้นไทย ซึ่ง บลจ.วรรณก็ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทย โดยประเมินมูลค่าหลักทรัพย์ราคายังอยู่ในระดับที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยและอัตราการจ่ายเงินปันผลในระดับ 4.75% ทำให้การลงทุนในหุ้นไทยน่าจะยังมีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้
ในส่วนของภาพการลงทุนนั้น ตลาดหุ้นไทยอาจเผชิญกับความผันผวนบ้าง จากภาพความกดดันจากปัจจัยภายนอกประเทศ ซึ่งการเลือกลงทุนในภาวะเช่นนี้ผมมองว่าหุ้นที่มีความสามารถทำกำไรหรือมีธุรกิจที่แข็งแกร่งจะเป็นเป้าหมายของเงินทุนที่ไหลเข้ามาในตลาด อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ตลาดค่อนข้างผันผวนการสร้างผลตอบแทนของนักลงทุนรายย่อย ผมเชื่อว่าการใช้กองทุนรวมจะมีความปลอดภัยกว่าการพิจารณาเลือกลงทุนโดยตรง ซึ่งกองทุนที่แนะนำในช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวน ได้แก่ กองทุนประเภท Thematic ที่มีกรอบการเลือกลงทุนที่ชัดเจน เช่น หุ้นโรงพยาบาล หุ้นที่มีธรรมาภิบาลที่ดี ยกตัวอย่างกองทุนที่อยู่ภายใต้การบริหารของ บลจ.วรรณที่มีความผันผวนตามตลาดค่อนข้างต่ำ ยกตัวอย่างในช่วงที่ตลาดปรับตัวผันผวนช่วงเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมาจากดัชนีปรับตัวสูงขึ้นในช่วงต้นเดือนจากราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น ช่วงกลางเดือนที่มีความผันผวนขึ้นลงจากราคาน้ำมัน และช่วงปลายเดือนที่ดัชนีปรับลดลงจาก BREXIT และดีดขึ้นกลับ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ให้ผลตอบแทนประมาณ 1.75% ขณะที่หุ้นปัจจัยพื้นฐานดีเหล่านี้ที่กองทุน ONE-ACT หรือหุ้นโรงพยาบาลที่กองทุน ONE-HOSPITAL ลงทุนไม่ค่อยผันผวนมากนักและให้ผลตอบแทน 2.51% และ 6.56% ตามลำดับ
ทั้งนี้ การเลือกลงทุนในกองทุนรวมประเภท Thematic อาทิ ONE-ACT เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในบริษัทที่มีความโปร่งใสผ่านเกณฑ์การคัดเลือกจากสถาบันกำกับดูแลกิจการที่ดี 3 สถาบัน และต้องมีฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง โดยหุ้นส่วนใหญ่ที่อยู่ในกลุ่มดังกล่าวเป็นบริษัทที่สามารถสร้างกำไรได้ค่อนข้างดี และเป็นที่สนใจลงทุน ซึ่งหากผลการดำเนินงานออกมาดีอย่างต่อเนื่องเชื่อว่าในอนาคตความต้องการลงทุนประเภทดังกล่าวจะมีมากขึ้น
อย่างไรก็ดี ผลประกอบการดังกล่าว ผมนำเสนอเพื่อเป็นแนวทางในการเลือกจัดสรรพอร์ตการลงทุนให้มีความหลากหลาย เพื่อลดความเสี่ยงในระยะสั้นที่ตลาดค่อนข้างอ่อนไหวกับปัจจัยภายนอกประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ตลาดค่อนข้างอ่อนไหวกับข่าวและตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ ทั้งนี้ นักลงทุนยังคงต้องติดตามความเคลื่อนไหวของปัจจัยต่างๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ การประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ รวมทั้งมาตรการการผ่อนคลายทางการเงินอื่นๆ ของประเทศเศรษฐกิจหลัก เช่น ญี่ปุ่น เนื่องจากปัจจัยเหล่านี้จะมีผลต่อการเคลื่อนย้ายเม็ดเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในตลาดภูมิภาคเอเชียและตลาดเงินทั่วโลก
“ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
คุณมณฑล จุนชยะ
ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.วรรณ
monthol.j@one-asset.com