xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นขนาดกลาง-ขนาดเล็กผลงานดี บลจ.กสิกรไทยปลื้ม “K-MIDSMALL” ให้ผลตอบแทน 7.82%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บลจ.กสิกรไทยชูหุ้นขนาดกลาง-ขนาดเล็กผลงานดี โชว์ผลงาน K-MIDSMALL เลือกลงทุนหุ้นขนาดกลางและเล็กได้ถูกตัว พร้อมจัดสรรพอร์ตเหมาะสม ดันผลตอบแทนแซงหน้าดัชนีหุ้นไทย โดยตั้งแต่ต้นปีให้ผลตอบแทน 7.82%

นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ตลอดทั้งปีนี้ดัชนีหุ้นไทยมีความผันผวนค่อนข้างสูง โดยเฉพาะในช่วงเข้าสู่ไตรมาส 4/2558 ตลาดหุ้นไทยได้รับแรงกดดันจากความผันผวนในตลาดโลก

ทั้งจากปัจจัยเรื่องความไม่แน่ชัดต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ประกอบกับปัจจัยภายในประเทศจากความกังวลต่อเศรษฐกิจไทยที่ยังฟื้นตัวได้ล่าช้ากว่าที่คาด ส่งผลให้ตั้งแต่ต้นปีถึงวันที่ 12 พฤศจิกายน 2558 ดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ปรับตัวลง -7.18%

โดยการปรับตัวลดลงของดัชนีหุ้นไทยในระยะเวลาดังกล่าวเกิดจากแรงเทขายของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งส่วนใหญ่ถือหุ้นขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าสูง ในขณะที่หุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กได้รับผลกระทบจากแรงเทขายดังกล่าวค่อนข้างจำกัด ทำให้ผลตอบแทนโดยรวมของหุ้นกลุ่มนี้มีผลตอบแทนที่สูงกว่าตลาด

จากการเปรียบเทียบผลตอบแทนระหว่างหุ้นของบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กกับหุ้นบริษัทขนาดใหญ่ หุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กมีแนวโน้มที่จะให้ผลตอบแทนสูงกว่าหุ้นขนาดใหญ่ในระยะยาว โดยในช่วงระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา (13 พ.ย. 2553-12 พ.ย. 2558) หุ้นบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก (FTSE SET Mid/Small Cap Index) ปรับตัวขึ้นกว่า 62.5%

ในขณะที่หุ้นขนาดใหญ่ (FTSE SET Large Cap Index) ปรับตัวขึ้นที่ 23.3% และจากจำนวนบริษัทจดทะเบียนขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีอยู่มากกว่า 500 บริษัท ทั้งในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (MAI) ทำให้ผู้จัดการกองทุนมีโอกาสคัดเลือกหรือแสวงหาหุ้นที่มีความน่าสนใจและมีแนวโน้มการเติบโตทางธุรกิจที่ดี ทั้งยังมีโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนเพิ่มขึ้นจากการเติบโตกลายเป็นหุ้นขนาดใหญ่ในอนาคต

นางสาวธิดาศิริ กล่าวอีกว่า ปัจจุบัน บลจ.กสิกรไทยมีกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กโดยเฉพาะ ได้แก่ กองทุนเปิดเค Mid Small Cap หุ้นทุน (K-MIDSMALL) ซึ่งจัดตั้งขึ้นเมื่อช่วงเดือนตุลาคม ปี 2557 โดยกองทุนมีนโยบายลงทุนในหุ้นของบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) ไม่เกิน 50,000 ล้านบาท และเน้นการคัดเลือกหุ้นของบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีความมั่นคง และมีแนวโน้มการเจริญเติบโตทางธุรกิจที่ดีในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) หรือตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (MAI) โดยเฉลี่ยไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สุทธิของกองทุน

ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมากองทุนสามารถสร้างผลการดำเนินงานที่โดดเด่นและสามารถเอาชนะเกณฑ์มาตรฐานได้อย่างสม่ำเสมอ ท่ามกลางภาวะตลาดหุ้นไทยในปีนี้ที่มีความผันผวน โดยตั้งแต่ต้นปีถึงวันที่ 12 พฤศจิกายน 2558 กองทุนให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 7.82% เอาชนะเกณฑ์มาตรฐานดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ซึ่งอยู่ที่ -7.18% ส่วนผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือน ให้ผลตอบแทนที่ -1.15% เอาชนะเกณฑ์มาตรฐานซึ่งอยู่ที่ -7.40% และผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี ให้ผลตอบแทนที่ 3.01% เอาชนะเกณฑ์มาตรฐานซึ่งอยู่ที่ -11.52% (ข้อมูล ณ วันที่ 12 พ.ย. 2558)

“ผลการดำเนินงานที่โดดเด่นนี้ เป็นผลมาจากการที่ผู้จัดการกองทุนมีการคัดเลือกหุ้นรายตัวได้ถูกต้อง พร้อมทั้งมีการจัดสรรสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสม โดยให้น้ำหนักลงทุนในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีอัตราการเติบโตสูง ในสัดส่วนที่ 70% ซึ่งหุ้นในกลุ่มนี้จะต้องมีความมั่นคงในระดับหนึ่งด้วยเพื่อคงไว้เป็นพอร์ตการลงทุนหลัก (Core Portfolio) ส่วนที่เหลืออีก 30% จะเน้นลงทุนในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีระดับราคาหุ้นยังไม่แพงมากนัก แต่มีโอกาสเติบโตและอนาคตที่ดี โดยในส่วนนี้ผู้จัดการกองทุนจะมีการปรับสัดส่วนไปตามสภาวะตลาดที่เหมาะสมในขณะนั้น รวมถึงยังมีการถือเงินสดไว้บางส่วนเพื่อรอจังหวะตลาดด้วย”

นอกจากนี้ จากการที่ บลจ.กสิกรไทยมองเห็นโอกาสในการลงทุนในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก จึงจัดตั้งกองทุนเปิดเค Mid Small Cap หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (KMSRMF) ซึ่งมีนโยบายลงทุนในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กเช่นเดียวกัน เมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา เพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการลงทุนระยะยาวเพื่อความมั่นคงในวัยเกษียณ

รวมถึงต้องการได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ซึ่งกองทุน KMSRMF สามารถสร้างผลดำเนินงานที่น่าสนใจ โดยให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่จัดตั้งกองทุนถึงวันที่ 12 พ.ย. 58 อยู่ที่ 6.05% เมื่อเทียบกับ SET Index ซึ่งให้ผลตอบแทนที่ 2.38%


กำลังโหลดความคิดเห็น