บลจ.กสิกรไทยเชื่อศักยภาพหุ้นไทย ชี้เป้ากลุ่มกลาง-เล็กแนวโน้มดี แถมทำกำไรสูง ล่าสุดเปิดกอง RMF หวังตอบโจทย์นักลงทุนชอบเสี่ยงลุ้นผลตอบหลังเกษียณจากหุ้นไทย ระบุเศรษฐกิจไทยไตรมาสสุดท้ายส่อแววดี หลังภาครัฐเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจและเบิกจ่ายงบประมาณ
นายพงศ์พิเชษฐ์ นานานุกูล กรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทมีความเชื่อมั่นต่อการเติบโตของหุ้นกลุ่มบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กของไทย เพราะหุ้นในกลุ่มนี้มีแนวโน้มการเติบโตทางธุรกิจที่ดีและยังมีโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนเพิ่มขึ้นจากการเติบโตกลายเป็นหุ้นขนาดใหญ่ในอนาคต ซึ่งจากการเปรียบเทียบผลตอบแทนระหว่างหุ้นของบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กกับหุ้นบริษัทขนาดใหญ่หุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กมีแนวโน้มที่จะให้ผลตอบแทนสูงกว่าหุ้นขนาดใหญ่ในระยะยาว โดยในช่วงระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา (17 ก.ย. 2553-16 ก.ย. 2558) หุ้นบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กปรับตัวขึ้นกว่า 66% ในขณะที่หุ้นขนาดใหญ่ปรับตัวขึ้นที่ 39%
นอกจากนี้ จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของหุ้นในกลุ่มนี้คือมีสภาพคล่องจากปริมาณการซื้อขายที่มากขึ้นและมีมูลค่าตลาดที่สูงขึ้น จึงทำให้หุ้นของบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กมีโอกาสได้รับการจัดอันดับเข้าไปอยู่ในดัชนีสากล เช่น FTSE Mid Cap Index, FTSE Small Cap Index, MSCI Small Cap Index เป็นต้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพและโอกาสที่นักลงทุนจะได้รับจากการเติบโตของหุ้นในกลุ่มนี้
โดยล่าสุด เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกให้แก่นักลงทุนที่สนใจการลงทุนในหุ้นไทย และต้องการลงทุนระยะยาวเพื่อความมั่นคงในวัยเกษียณ พร้อมทั้งเป็นการเติมเต็มผลิตภัณฑ์กองทุนบริษัทจึงได้เตรียมทำการเสนอขายกองทุน RMF ใหม่เพิ่มเติมอีก 1 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเค Mid Small Cap หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (KMSRMF) ในระหว่างวันที่ 22-28 กันยายน 2558
โดยกองทุนมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท และมีนโยบายลงทุนในหุ้นของบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) ไม่เกิน 50,000 ล้านบาท โดยเน้นเลือกหุ้นของบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีความมั่นคง และมีแนวโน้มการเจริญเติบโตทางธุรกิจที่ดีในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) หรือตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (MAI) โดยเฉลี่ยไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สุทธิของกองทุน
นายพงศ์พิเชษฐ์กล่าวอีกว่า เศรษฐกิจไทยคาดว่าจะสามารถกลับมาฟื้นตัวได้ดีขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2558 และมีแนวโน้มเติบโตขึ้นได้ในปีหน้าจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของรัฐบาล เช่น การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณด้านการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ การผลักดันโครงการทางเศรษฐกิจใหม่ๆ ที่เน้นช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและเกษตรกร รวมถึงการออกมาตรการส่งเสริมกลุ่มธุรกิจและอุตสาหกรรมรายย่อย (SME) ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจและเรียกความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในด้านการใช้จ่ายและการลงทุนภาคเอกชนให้กลับมา
ขณะที่นโยบายผ่อนคลายทางการเงินของไทยที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 1.50% ทำให้อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นมีความน่าสนใจมากขึ้นเมื่อเทียบกับตราสารหนี้ นอกจากนี้ ยังได้รับปัจจัยภายนอกมาจากสภาพคล่องในตลาดการเงินโลกที่ยังอยู่ในระดับสูงจากการดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางหลักๆ ของโลก เช่น ยุโรป ญี่ปุ่น และจีน เหล่านี้จึงเป็นปัจจัยบวกที่สนับสนุนการลงทุนในหุ้น
อนึ่ง ผู้ที่สนใจลงทุนกับกองทุนเปิดเค Mid Small Cap หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (KMSRMF) สามารถลงทุนได้ด้วยมูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 500 บาท และต้องลงทุนตามเงื่อนไขภาษี