xs
xsm
sm
md
lg

มาตรการภาครัฐหนุนหุ้นไทยปี 59

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


โดยดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ
Dr.win@one-asset.com

สวัสดีครับ สำหรับคอลัมน์ฉบับนี้ การประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐบาล หลังจากการปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรี ดูเหมือนว่าปัจจัยที่เป็นประเด็นบวกใหม่ที่เรียกความน่าสนใจของนักลงทุนให้กลับคืนมาได้ในช่วงหนึ่ง ซึ่งคงต้องติดตามความคืบหน้าและพัฒนาการของมาตรการดังกล่าวว่าจะส่งผลอย่างไร

มาตรการเร่งด่วนที่เป็นรูปธรรม อาทิเช่น การดึงความเชื่อมั่นภาคเอกชนให้กลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจทั้งในส่วนของกองทุนหมู่บ้านภายใต้วงเงิน 60,000 ล้านบาทผ่านสถาบันการเงินของภาครัฐและจัดสรรวงเงินงบประมาณให้เปล่าแต่ละตำบล รวมทั้งแก้ไขปัญหาธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME)

โดยการดำเนินมาตรการผ่านการปรับลดอัตราภาษีรายได้นิติบุคคลและการปล่อยสินเชื่อผ่านสถาบันการเงินของภาครัฐ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าว คาดว่าจะสามารถกระตุ้นให้ GDP เติบโตประมาณ 0.5% ในปีนี้ โดยคาดว่า GDP ปี 2558 น่าจะเติบโตได้ในระดับ 2.5-2.6%

ขณะที่ในแง่ของ Sentiment ตลาดในช่วงระยะสั้นน่าจะเป็นบวก เนื่องจากทำให้นักลงทุนเริ่มมีความเชื่อมั่นต่อแผนสนับสนุนของภาครัฐในการช่วยเหลือหรือประคับประคองเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวได้ในเวลาอันใกล้ นอกเหนือจากความพยายามในการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐในส่วนของงบลงทุนที่คาดว่าจะเร่งเบิกจ่ายให้ได้ในระดับ 30% ของงบลงทุนรวมทั้งหมดในไตรมาสที่ 4/58 เพื่อให้ผลของมาตรการเร่งส่งผลต่อเศรษฐกิจในช่วงปลายปีหรือต้นปีหน้าเป็นอย่างเร็ว

ขณะที่ การแก้ไข พรบ.ส่งเสริมการลงทุน โดยให้ BOI สามารถปรับเพิ่มระยะเวลาในการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นระยะเวลา 13 ปี จากเดิมยกเว้นเพียง 8 ปี คาดว่าจะช่วยเสริมความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้นและจะเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนการฟื้นตัวของ GDP ไทยในช่วงถัดจากนี้ไป

มองกลับมาในส่วนการลงทุนต่อตลาดหุ้นไทย ปัจจัยบวกเรื่องมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมดังกล่าวซึ่งเป็นปัจจัยบวก แต่ตลาดยังต้องเผชิญกับปัจจัยกดดันจากภายนอก โดยเฉพาะในเรื่องท่าทีของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐในช่วงที่เหลือของปีนี้ รวมทั้งแรงกดดันจากเศรษฐกิจจีนที่ยังชะลอตัวและราคาน้ำมันที่ยังผันผวน ซึ่งกดดันต่อราคาหุ้นกลุ่มพลังงานได้ ทำให้ดัชนีฯ ยังไม่สามารถปรับตัวขึ้นได้อย่างรวดเร็วในช่วงใกล้ๆ นี้

แต่สำหรับระยะกลาง โดยเฉพาะในแง่ของมูลค่าหุ้นไทยปีนี้ ซึ่ง Forward PE ปัจจุบันที่อยู่ในระดับ 12 เท่า ใกล้เคียวกับค่าเฉลี่ยระยะยาวในอดีต ทำให้ตลาดน่าจะเริ่มมีโอกาสพลิกกลับมาได้รับความสนใจได้อีกครั้งจากแรงหนุนและผลของมาตรการภาครัฐที่เริ่มเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ประกอบกับความชัดเจนของทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐที่มากขึ้นและไม่น่าจะส่งผลต่อตลาดมากนักแล้วในช่วงเวลานั้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่การเปรียบเทียบมูลค่าหุ้นของไทยยังคงต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน (TIP Market) ซึ่งหากปัจจัยต่างๆ เป็นไปตามที่คาดการณ์แล้วนั้น ผมมองว่าปีหน้าดัชนี SET Index น่าจะมีโอกาสปรับตัวในกรอบ 1,650 - 1,732 จุด ทำให้ในระดับดัชนีฯ ปัจจุบันสำหรับผู้ลงทุนระยะกลางถึงยาวจึงเป็นจังหวะในการทยอยสะสมในหุ้นได้ โดยเฉพาะกองทุนรวมเพื่อลดหย่อนภาษีอย่างเช่น กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ครับ แล้วสัปดาห์หน้าผมจะมาเล่าถึงตลาดหุ้นต่างประเทศที่น่าสนใจอีกหนึ่งภูมิภาคครับ

•นักลงทุนสามารถสอบถามเพิ่มเติมและขอรับร่างหนังสือชี้ชวนได้ที่ฝ่ายบริการลูกค้าและสนับสนุนธุรกิจที่หมายเลข 02-659-8888 ต่อ 1 ครับ

•“ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน


กำลังโหลดความคิดเห็น