“ประยุทธ์” เปิดปฏิบัติการส่งเสริมผู้มีรายได้น้อย ย้ำ ปชช.มีอำนาจตัวจริง รับมาด้วยใจเต็มร้อย ขอ ปชช.เข้มแข็งจากภายใน อย่าต้านถ้ามีประโยชน์ควรปล่อยให้ทำ ไม่ใช่เอาเงินแจกแก้ปัญหาและต้องหยุดขัดแย้ง ขอชาวบ้านเลือก รบ.ให้ดี สามารถทำงานรับช่วงต่อได้ เผย คิดถึงคนจนก่อน ยาหอมอยากไปเยี่ยมทุกจังหวัดแต่ติดงาน วอนใจเย็นเงินกองทุนให้มากไม่ได้ เหตุ ศก.ตกต่ำ ขอให้รักกันอย่าเชื่อคนปลุกปั่น
วันนี้ (14 ก.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานพิธีเปิดปฏิบัติการ “มาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ของประชาชนผู้มีรายได้น้อย และมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาลทั่วประเทศ” โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า เป็นครั้งแรกได้พบสมาชิกทั้งหมดที่มาวันนี้ ทั้งองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นทุกระดับ ถือว่าวันนี้มาพบเจ้านาย ยืนยันว่าตนไม่ใช่เจ้านายของทุกคน แต่ถือว่าประชาชนทุกคนเป็นผู้มีอำนาจตัวจริง ไม่ต้องทำเพื่อตนหรือรัฐบาล แต่ขอให้ทำเพื่อประเทศ เพื่อครอบครัว วันนี้เป็นเพียงมาตรการหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจแก่ผู้มีรายได้น้อย แต่ตนอยากให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแก่ผู้มีรายได้มากบ้าง เพราะเราเป็นผู้มีรายได้น้อยมาตั้งแต่ตนยังเด็ก
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ประเทศเราไม่ได้ของใครคนหนึ่งแต่เป็นของทุนคน คำว่าประเทศก็คือดินแดน บวกกับคน เมื่อมีความสุขก็กลายเป็นดินแดนสุวรรณภูมิ ชื่อนี้มีมานานแล้ว วันนี้ตนมารับคำสั่งจากทุกคน มีปัญหาอะไรก็บอกมา ทราบดีว่าผู้มีรายได้น้อยปัญหามีหลายอย่าง แต่สิ่งแรกความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ซึ่งคิดว่าทุกคนก็เห็นด้วยกับตน “ไม่ต้องกลัวผม มีแต่ผมที่จะกลัวท่านมากกว่า คือกลัวว่าจะทำให้ประชาชนมีความสุขไม่ได้ ผมไม่ได้ต้องการอะไรเลย ในการเข้ามาทำงานเกือบ 2 ปี ก็ทำให้บ้านเมืองสงบได้แบบนี้ ถือดีขึ้นในระดับหนึ่งก็สบายใจขึ้น แต่จะสบายใจกว่านี้ คือจะทำอย่างไรให้ประชาชนมีเงินใช้อย่างพอเพียง ตามปรัชญาในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในเรื่องการเข้าใจ เข้าถึง พัฒนา เท่าที่ผมทราบในหลวงทรงห่วงใยประชาชนทุกคน และทอดพระเนตรทีวีทุกวัน และท่านก็เห็นว่ารัฐบาลทำอะไรอยู่ และพระองค์ท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะท่านไม่ยุ่งกับใครทั้งสิ้น ทุกคนเป็นคนไทยของท่านทั้งสิ้น ทั้งยากดี มีจน พระองค์ทรงอยู่เหนือความขัดแย้งทั้งปวง อย่าไปดึงพระองค์ท่านลงมา”
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้ต้องทำทุกอย่างให้ดีขึ้นและต่อเนื่องขึ้น เพราะที่นี่คือบ้านและประเทศของเรา และจะทำอย่างไรให้คนของเราอยู่ดีกินดี ต้องร่วมกันทำประวัติศาสตร์ให้มั่นคั่ง มั่นคง ยั่งยืน ต้องเผื่อแผ่ถึงกัน ไม่ใช่จะให้ภาคเหนือสงบภาคเดียวไม่ได้ เราต้องทำให้ทุกคนมีความสุข สงบโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ที่ต้องส่งกำลังใจให้ และการที่ส่วนกลางเจ้าหน้าที่ไปในพื้นที่ก็ไม่มีใครอยากทำให้เกิดความเดือดร้อน ทหาร ข้าราชการเองก็ต้องทำตัวให้ดี เป็นที่พึ่งของประชาชนให้ได้
“วันนี้เราไม่สามารถที่จะคุมสมองและปัญญาของคนได้ เพราะบ้านเมืองปล่อยแบบนี้มาซักระยะหนึ่ง ซึ่งไม่มีใครชอบให้บังคับ ผมเองก็ไม่ชอบให้ใครบังคับ การใช้อำนาจไม่ใช่สิ่งที่ดีจะใช้เมื่อจำเป็นเท่านั้น ผมไม่ใช้พร่ำเพรื่ออยู่แล้ว แต่ผมจะใช้กับคนที่ไม่ดี ถ้าคนดีๆ ผมไม่ไปรบกวนอยู่แล้ว ขอให้เข้าใจกันด้วย” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า วันนี้ถ้ามีปัญหาเรื่องเกษตรกร รัฐบาลมีศูนย์เกษตรชุมชน 800 กว่าแห่งทั่วประเทศ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ ธนาคารออมสินก็มี ให้กู้ไปไม่รู้เท่าไหร่แล้ว อยู่ได้วันนี้ก็บุญแล้ว ใช้วิธีการชะลอหนี้ให้กับเกษตรกร แต่มันคือเครื่องมือของรัฐบาลที่ต้องทำให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุนอย่างทั่วถึงเป็นธรรม ถ้ามีใครทำไม่เป็นธรรมมาบอกตน และถ้าวันนี้ทำการเกษตรไม่ได้ผล ให้ไปบอกกับศูนย์เกษตรกรที่มีอยู่ เพื่อขอคำปรึกษา ซึ่งชาวบ้าน 50 เปอร์เซ็นต์ ที่ทำตามที่ศูนย์แนะนำไป สามารถอยู่ได้ แต่อีก 50 เปอร์เซ็นต์ รอนโยบายรัฐบาล แบบนี้มันไปกันไม่ได้ เพราะปัญหาเยอะผูกพันอีนุงตุงนัง วันนี้รัฐบาลกำลังแก้ปัญหาทั้งหมดอยู่ ถ้าเราไม่ไปเสียเงินตรงนั้นไว้ วันนี้คงมีเงินมาทำให้เราเขมแข็งได้มากกว่านี้ ฉะนั้นวันนี้ต้องไม่สร้างเงื่อนไขใหม่ในวันข้างหน้าถ้าตนไม่อยู่ให้รัฐบาลใหม่มา เขาก็ต้องพัฒนาประเทศต่อไปให้ได้อย่างยั่งยืน
นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า วันนี้รัฐบาลกำลังดูแลเรื่องที่อยู่อาศัยให้กับผู้เดือดร้อน เรากำลังมีโครงการจัดหาที่ดินให้ และถ้าได้ไปก็ห้ามขายต่อ ที่ผ่านมาถ้าใครซื้อไปต้องเอามาคืน ไม่ขอพูดมากเรื่องนี้เดี๋ยวจะกลัวตนกันอีก สำหรับกองทุนหมู่บ้าน ชุมชนเมือง ซึ่งเดิมมีอยู่แล้ว และรัฐบาลก็เห็นความสามารถบริหารกองทุนให้เข้มแข็งจึงหาเงินใส่ไปให้ ซึ่งท่านจะต้องนำเงินไปทำประโยชน์สูงสุด ถ้าเข้มแข็งขึ้นก็หาใส่กลับเข้าไปอีก ไม่ใช่ใส่ไปแล้วหายก็ไม่ใช่ ส่วนคนที่เป็นหนี้ก็ขอให้ใช้หนี้ อย่าหนีหนี้ ถ้าไม่มีก็ขอให้คุยกับเจ้าหนี้เพื่อผ่อนปรน ซึ่งวันนี้มี พ.ร.บ.ทวงถามหนี้แล้ว ส่วนมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยโดยรัฐบาลมุ่งหวังให้เกิดการใช้จ่าย ปรับเปลี่ยนการปลูกพืช เราต้องเริ่มต้นของเราด้วยความภาคภูมิใจ เรื่องเงินกู้ต่างๆ ก็ถือว่าเป็นประโยชน์เยอะ ถ้ารวมกันก็นับแสนล้านบาท แต่ประเทศนี้ต้องใช้จ่ายหลายอย่าง ต้องมีการลงทุนสร้างความเข้มแข็งในเขตเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อสร้างงานในพื้นที่ พอจะตั้งก็ต่อต้านกัน เพราะไม่รู้ว่าจะได้อะไร บอกไปแล้วว่า การลงทุนให้คนในพื้นที่ได้ก่อน ให้เกิดความเจริญไปทั้งภาคฃ
นายกฯ กล่าวว่า เราต้องแก้ปัญหาเศรษฐกิจจากภายในออกไป ทุกอย่างต้องมาด้วยใจ เกิดที่ใจอยากจะทำ อย่าให้ต้องบังคับ คนไทยส่วนใหญ่มักเสพติดอำนาจ ทำอะไรก็แล้วแต่ต้องสั่ง ทำไมเราไม่รู้จักร่วมมือกัน ไม่ใช่ไม่มีเงินแล้วทำอะไรไม่ได้เลย ทุกคนต้องกลับไปสู่การมีน้ำใจซึ่งกันและกัน โอบอ้อมอารี วันนี้แข่งขันกันมากขึ้น หัวจิตหัวใจต้องไปสู้กับความลำบาก จนทำให้ลืมเพื่อนเราไป ลืมคนอื่นไป ถ้าเมื่อไรรัฐบาลทำให้ท่านแข็งแรงขึ้น เพื่อนฝูงก็เอื้อเฟื้อก็จะยกระดับประเทศ คนกว่า 40 ล้านคนเป็นเกษตรกร เป็นส่วนที่ขับเคลื่อนประเทศ ผลิตข้าว ผลิตพืชต่างๆ แต่ต้องถามว่า ตลอดพอเพียงหรือไม่ ก็ต้องให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ ไปดูว่าการผลิตข้าวพอเพียงหรือไม่ หากปลูกเยอะเกินไปราคาก็จะตก ควรปลูกข้าวที่มีคุณภาพ เหมาะสมกับพื้นที่ วันนี้ราคาตกเกือบทั่วโลก เพราะเพื่อนบ้านเราก็ปลูกข้าว ปลูกยางพาราแข่งกันหมด ต้องเปลี่ยนมาเพิ่มมูลค่า ดูพื้นที่ให้เหมาะสม ต่อไปจะได้ไม่ลำบาก
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า วันนี้เรามีพลังงาน น้ำมัน แก๊ส ขยะ ถ้าเราไม่ทำวันนี้ก็ไม่มีทางได้ทำ อยากให้ไปคิดดูว่า จะร่วมมือกันอย่างไร รัฐบาลมีความจริงใจกับท่านทุกอย่าง ไม่เคยอื้อประโยชน์กับใคร ไม่รู้จักใครสักคน ถ้ารู้จักใครเยอะๆ คงไม่ต้องมายืนตรงนี้หรอก และไม่เคยได้อะไรจากใคร ตนมาด้วยใจ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะอยากให้ทุกคนอยู่ดีกินดี ลูกหลานมีเงินเรียนหนังสือ ประเทศไทยมีศักยภาพหลายอย่าง ทั้งการเกษตรและท่องเที่ยว ซึ่งรัฐบาลก็ปรับทุกอย่าง เพื่อสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับประชาชน ขอเวลาคิดนิดหนึ่งว่า อันไหนมีประโยชน์ อันไหนไม่มีประโยชน์ ถ้ามีประโยชน์ก็ปล่อยให้ทำ เดี๋ยวมันจะดีกับท่านเอง ไม่ใช่เอาเงินมาแจกแก้ปัญหาไม่ได้แล้ว ต้องเข้มแข็งจากภายใน สร้างพื้นที่ให้แข็งแรง
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เรื่องของกองทุนหมู่บ้าน อันไหนที่ดีอยู่แล้วก็ขอให้รักษาความดีต่อไป อันไหนมีปัญหาขอให้ปรับปรุง รัฐบาลจะดูแลทั้งหมด ฝากให้กระทรวงเกษตรฯ มหาดไทยช่วยสนับสนุน ตนไม่เข้าไปยุ่งเพราะชุมชนแข็งแรงอยู่แล้ว แต่ขอให้พิจารณาว่าสามารถใช้ประโยชน์ได้ สำหรับการบริหารจัดการน้ำ เรามีปัญหาพอสมควร ไม่เคยคิดว่าจะมากขนาดนี้ เพราะที่ผ่านมามีการทำมาหลายอย่าง แต่ไม่ยั่งยืนสักอย่าง ซึ่งเราต้องไปดูเรื่องแหล่งน้ำ ที่ดินทำกิน ที่ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง ปัญหาไม่ใช่แค่เขตชลประทาน แต่มีปัญหาทั้งหมด เราต้องเร่งทำ ขุดน้ำบาดาลเพื่อใช้ฤดูกาลหน้า อย่าตื่นตระหนก แต่ต้องเตรียมการเพื่อลดความเสี่ยงจากอากาศเปลี่ยนแปลง
วันนี้เรื่องเร่งด่วนคือต้องหาพลังงานมาเพิ่มเติม ดูพื้นที่ไหนเหมาะสม ไม่ใช่ออกมาต้านกันหมด แล้วมันไปไม่ได้สักอย่าง จะอยู่กันอย่างไร ให้เขามาลงทุนจะขนาดเล็กขนาดใหญ่ก็ต้องมีพลังงานให้เขา ไม่ใช่การส่งเสริมนายทุน แต่เราจะได้ประโยชน์จากเขา สำหรับโครงการบ้านยั่งยืนมีการดำเนินการ 240 โครงการทั่วประเทศ 14,000 ยูนิตแต่ก็ยังน้อยอยู่ ตนต้องการให้คนมีที่อยู่ที่อาศัย ที่ราคาถูกลง ราคา 3-4 แสนบาท และผ่อนถูกลงได้ไหม ให้ดำเนินการอยู่ทั้งหมด จะให้อยู่แบบเดิมไม่ได้ เพราะปัญหาบ้านเราคือชนบท คนไทยโบราณมีที่อยู่ตรงไหนก็จะอยู่ตรงนั้น วันหน้าอยากให้เปลี่ยนที่อยู่ ไปอยู่ร่วมกัน เหลือที่ทำกิน วันนี้เราอยากเห็นพวกเราเป็นเหมือนพี่จูงน้อง เพื่อนจูงเพื่อน คุยกัน เลิกทะเลาะเห็นต่างกันเสียที เป็นเรื่องที่กฎหมายดำเนินการ ไม่ใช่เราจะไปขัดแย้งกันมากมายพอแล้ว
นายกฯ กล่าวอีกว่า คนรวยตนไม่คิดถึงคิดถึงคนจนก่อน โดยสิ่งที่ทำให้เท่าเทียมคือต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน และขอฝากกันดูแลบ้านเมือง ตนรบกวนพวกท่านมาปีกว่า ถ้าเบื่อแล้วอยากจะเลือกต้องเลือกให้ดี ตนไม่ได้ขัดแย้งอะไรสักอย่าง ให้หารัฐบาลที่จะรับช่วงทำต่อจากตนให้เสร็จ หลายจังหวัดตนอยากจะไปเยี่ยมแต่ติดปัญหาเรื่องงานแต่ก็จะส่งใจไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายกรัฐมนตรีกล่าวอยู่บนเวทีซึ่งเป็นช่วงท้าย จึงได้สอบถามไปยังชาวบ้านที่นั่งรับฟังว่ามีอะไรหรือไม่ จากนั้นได้มีตัวแทนชาวบ้านจาก อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี ได้ยกมือขอพูดร้องเรียนปัญหา ซึ่งนายกฯ ได้เปิดโอกาสให้ให้เจ้าหน้าที่มอบไมค์ให้มาพูดด้านหน้าเวที ทั้งนี้ ตัวแทนชาวบ้านได้ร้องเรียนว่า 1. ขอให้รัฐบาลเพิ่มจำนวนเงินกู้ เนื่องจากมีจำนวนผู้มาขอกู้เกินกว่าวงเงินที่รัฐบาลให้ไว้ 3 ล้านบาท จึงอยากจะขอเป็น 30 ล้านบาท โดยผ่านธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ 2. ขอเรียกร้องให้ศาลปกครอง และกระทรวงมหาดไทย หามาตรการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการจากการสร้างเขื่อนสิรินธร และ 3. ขอให้กระทรวงมหาดไทยสนับทุนทุนการศึกษาสำหรับนักศึกษาที่จบปริญญาตรีจำนวน 1,345 รายได้ทุนเรียนต่อปริญญาโท และขอให้ทำตามที่ได้รับปากไว้
โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “นี่สั่งนายกฯ เลยนะเนี่ย แล้วจะรับเรื่องไว้พิจารณานะ ใจเย็นๆ แต่ขอเงินเพิ่มจำนวน 30 ล้านบาทเลยหรือ จะทำยังไงดีล่ะ ขอให้ใจเย็นๆ ขอให้หาเงินให้ได้มากกว่านี้ เพราะเศรษฐกิจตกต่ำ รายได้ประเทศลดลง เพราะฉะนั้นเราจึงใช้เงินลำบาก แต่ก็เข้าใจคนที่ลำบากที่สุดคือพวกท่าน”
จากนั้นนายกฯ กล่าวอีกว่าว่า อยากให้ทุกคนรักกัน เติบโตแข็งแกร่งไปด้วยกันทั้งประเทศ และช่วยกันถวายพระพรแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ให้ทรงมีพระพลานาลัยแข็งแรง มีพระชนมายุยิ่งยืนนาน และอย่าไปเชื่อสิ่งที่บิดเบือนเกี่ยวกับสถาบันฯ เป็นสิ่งที่ใช้ไม่ได้ และขอฝากอย่าให้ใครมาปลุกปั่นให้ตีกัน วันนี้สถานการณ์แย่อยู่แล้ว หากเมื่อไหร่ก็ตามมีความไม่สงบ ความรุนแรงเกิดขึ้น ไม่ใช่ตนกลัว แต่กลัวประชาชนจะเดือดร้อนประเทศเสียหาย ตนมีหน้าที่ทำให้ประเทศและประชาชนปลอดภัย