xs
xsm
sm
md
lg

ทิสโก้จับกลุ่มลูกค้าเสี่ยงต่ำ ส่งกองบอนด์ลิงก์ดัชนี NIKKEI

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บลจ.ทิสโก้ส่งกองทุนใหม่เสี่ยงต่ำแถมลุ้นผลตอบแทนเพิ่มกับดัชนี NIKKEI ชูรับเงินต้นคืนเต็มจำนวนจากการลงทุนหุ้นกู้เรตติ้งสูงในประเทศ พร้อมแบ่งเงินลุ้นยิลด์เพิ่ม เชื่อเหมาะกับนักลงทุนเสี่ยงต่ำ มั่นใจตลาดหุ้นญี่ปุ่นแนวโน้มดี ของถูกแถมรับอานิสงส์รัฐบาล-ธนาคารกลางกระตุ้นเศรษฐกิจ

นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ เปิดเผยว่า บริษัทได้เตรียมเปิดขายกองทุนใหม่ “ทิสโก้ เจแปน ลิ้งค์ คอมเพล็กซ์ รีเทิร์น” (TJPLINK1) ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 พฤษภาคมนี้ โดยกองทุนนี้เป็นกองทุนประเภท “Structured Fund” ที่เหมาะสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ นำไปเป็นทางเลือกนอกจากการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้ หรือเงินฝากในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ

สำหรับกองทุนใหม่ข้างต้นจะมีอายุโครงการประมาณ 3 ปี มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท ลงทุนขั้นต่ำ 5,000 บาท โดยมีนโยบายการลงทุนในตราสารหนี้หรือหุ้นกู้ภายในประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับ A- ขึ้นไปในสัดส่วน 95% ส่วนที่เหลืออีก 5% จะแบ่งไปลงทุนในออปชันที่อ้างอิงผลตอบแทนกับดัชนี NIKKEI 225 ของตลาดหุ้นญี่ปุ่น

ทั้งนี้ จุดเด่นของกองทุนคือการคุ้มครองเงินต้นจากการลงทุนในหุ้นกู้และผลตอบแทนเพิ่มขึ้นจากการปรับตัวของดัชนีตลาดหุ้นญี่ปุ่น โดยคาดว่าจะสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ในช่วงเวลา 3 ปีต่อจากนี้ ซึ่งหากในกรณีที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นไม่ปรับตัวมากกว่าดัชนีที่เข้าลงทุนเลยก็อาจไม่ได้รับผลตอบแทน แต่ยังจะได้รับเงินต้นคืนเต็มจำนวน

“สัญญาออปชันที่เราซื้อจะมีอยู่ด้วยกัน 12 สัญญา และมีการตัดคำนวณทุกไตรมาส ซึ่งหากใน 12 ครั้งดัชนีไม่ปรับตัวขึ้นเลยหรือต่ำกว่าที่ลงทุนนักลงทุนจะไม่ได้รับผลตอบแทนเพิ่ม แต่ยังคืนในส่วนของเงินต้น แต่ถ้าภายใน 12 ครั้งมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นก็จะนับเป็นผลตอบแทนในส่วนที่เพิ่มขึ้น กล่าวคือเราจะมีการตัดทำกำไรทุกไตรมาสภายใน 3 ปีนั่นเอง” นายธีรนาถกล่าว

**หุ้นญี่ปุ่นแจ่มแถมเข้าช่วงของถูก**

นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด บลจ. ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า การลงทุนในกองทุนนี้ถือว่าเป็นจังหวะที่ดีเนื่องจากปัจจุบันดัชนีหุ้นญี่ปุ่นมีการปรับตัวลงมาระดับหนึ่งแล้วส่งผลให้ราคาหุ้น (P/E) อยู่ที่ประมาณ 15 เท่า ซึ่งถือว่าถูกมากเมื่อเทียบกับหุ้นไทยที่มีระดับใกล้เคียงกัน

โดยตลาดหุ้นญี่ปุ่นเป็นอีกแห่งที่บริษัทให้น้ำหนักการลงทุนในอันดับต้น โดยแนวโน้มของตลาดหุ้นญี่ปุ่นคาดว่าจะได้รับปัจจัยหนุนจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลญี่ปุ่น และธนาคารกลางญีปุ่น (BoJ) อีกระลอกหนึ่ง หลังจากในช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจดูจะชะลอตัวลง ทั้งในส่วนของตัวเลขเงินเฟ้อ และค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลง

ทั้งนี้ เป็นไปได้ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) อาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเป็น -0.2% ในการประชุมครั้งต่อไป (15-16 มิถุนายน และ 28-29 กรกฎาคม 2559) หลังจากที่ปรับลงมาเป็น -0.1% เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ปัจจัยค่าเงินเยนญี่ปุ่นที่มีแนวโน้มอ่อนต่อเนื่องไปจนกว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทำให้ดัชนี NIKKEI มีแนวโน้มจะปรับตัวขึ้น เนื่องจากบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ในตลาดหุ้นญี่ปุ่นเกี่ยวข้องกับการส่งออกซึ่งได้รับประโยชน์จากค่าเงินเยนอ่อนค่าในช่วงนี้ จึงนับเป็นช่วงที่เหมาะสมในการเข้าลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่น

“ตอนนี้ยังไม่เห็นสัญญาณในทางลบ เพราะถ้าเป็นเรื่องดอกเบี้ยเฟดก็มีการซึมซับไปแล้วว่าจะขึ้น ส่วนเรื่องการออกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจน่าจะยังอีกนานเกิน 3 ปีที่ลงทุนเพราะเศรษฐกิจญี่ปุ่นยังไม่ฟื้นตัวมากนัก ซึ่งการลงทุนในช่วงนี้น่าจะเหมาะสมที่สุด เพราะดัชนีลงมาต่ำแล้วประมาณ 13,000 จุด ซึ่งมันเคยไปพีกถึง 20,000 จุดมาแล้ว” นายสาห์รัชกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น