เอเจนซีส์ - ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.25 - 0.50% ตามคาด ระบุกังวลกระแส “เบร็กซิต” ตลอดจนถึงสภาพการจ้างงานภายในประเทศ กระนั้น ยังเชื่อมั่นแนวโน้มเศรษฐกิจ และมั่นใจว่า จะสามารถปรับขึ้นดอกเบี้ยสองรอบภายในปีนี้
ในวันพุธ (15 มิ.ย.) ระหว่างการแถลงข่าวภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม 2 วัน ของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) เจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ยอมรับว่า การทำประชามติเกี่ยวกับการอยู่ต่อ หรือแยกตัวจากสหภาพยุโรป (อียู) ของอังกฤษในวันที่ 23 ที่จะถึงนี้ เป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งในการตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยเฟด ฟันด์ส เรต ไว้ที่ 0.25 - 0.50% เนื่องจากการทำประชามติดังกล่าวจะส่งผลต่อเศรษฐกิจและการเงินทั่วโลก
ทั้งนี้ เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา เยลเลนก็ได้กล่าวเตือนว่า หากอังกฤษถอนตัวจากอียู หรือที่เรียกว่า “เบร็กซิต” นั้น อาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจ
ในส่วนคำแถลงของเฟดภายหลังการประชุม 2 วันคราวนี้ ยังได้แสดงความประหลาดใจกับภาวะการจ้างงานในสหรัฐฯที่กลับดิ่งลงอย่างรุนแรงในเดือนพฤษภาคม ขณะที่การลงทุนภาคธุรกิจชะลอตัว และอัตราเงินเฟ้อยังคงลดต่ำ
ความกังวลเกี่ยวกับกระแสเบร็กซิต และภาวะการจ้างงานในเดือนที่ผ่านมา ส่งผลทำให้เฟดประกาศลดคาดการณ์การเติบโตของสหรัฐฯมาอยู่ที่ 2% สำหรับปีนี้และอาจลากยาวถึงปี 2018 ต่ำลงจากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ 0.1%
กระนั้น เฟดยังแสดงความเชื่อมั่นว่า การจ้างงานจะฟื้นขึ้นมาอีกครั้งและอัตราเงินเฟ้อก็จะขยับขึ้น ซึ่งทำให้คาดการณ์ได้ว่า เฟดจะสามารถขึ้นอัตราดอกเบี้ยนนโยบายได้ 2 รอบภายในช่วง 6 เดือนหลังของปีนี้ จนอยู่ในระดับใกล้ ๆ 1.0%
ทั้งนี้ เฟดขยับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบเกือบทศวรรษเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว พร้อมส่งสัญญาณว่า อาจปรับเพิ่มต้นทุนการกู้ยืมอีก 4 ครั้งในปีนี้ ทว่า ความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและความผันผวนในตลาดการเงินทำให้เฟดตัดสินใจในเวลาต่อมาว่า จะขึ้นดอกเบี้ยเพียงแค่ 2 ครั้งสำหรับปีปัจจุบัน
ระหว่างการแถลงข่าว เยลเลน ยังแจกแจงว่า การชะลอตัวของการใช้จ่ายภาคครัวเรือนในช่วงไตรมาสแรกดูเหมือนเป็นปรากฏการณ์ชั่วคราวเท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยบ่งชี้ว่า ตัวเลขดังกล่าวจะฟื้นขึ้นอย่างชัดเจนในไตรมาสที่สอง
เอฟโอเอ็มซี ยังยึดมั่นการคาดการณ์ที่ว่า อัตราเงินเฟ้อจะเดินหน้าสู่เป้าหมาย 2% ในระยะกลาง แต่สำทับว่า ยังต้องจับตาราคาผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ก่อนการประชุม นักวิเคราะห์บางคนคาดว่า เฟดอาจมีท่าทีอ่อนลงเกี่ยวกับการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อและดอกเบี้ย หลังจากตลาดแรงงานซึมลงในเดือนพฤษภาคมที่การจ้างงานใหม่ทำสถิติต่ำสุดในรอบเกือบ 6 ปี
ทว่า คำแถลงของเอฟโอเอ็มซีกลับดูแสดงจุดยืนเป็นกลาง ๆ มากกว่า ทำให้นักวิเคราะห์ตีความแนวโน้มนโยบายต่าง ๆ กันไป
เอียน เชปเพิร์ดสัน จากแพนธีออน แมกโครอิโคโนมิกส์ คาดว่า เฟดจะรอจนถึงเดือนกรกฎาคมเพื่อยืนยันว่า เศรษฐกิจเข้มแข็ง และข้อมูลดังกล่าวจะสนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายน
ทว่า คริส โลว์ นักเศรษฐศาสตร์จากเอฟทีเอ็น ไฟแนนเชียล มองว่า เอฟโอเอ็มซียังคงเชื่อว่า แผนการขึ้นดอกเบี้ยถูกสกัดจากปัจจัยลบที่เป็นปัจจัยเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวจบ และอิทธิพลของปัจจัยนี้จะสิ้นสุดลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่ปัญหาก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงอาจต่างจากที่คาดไว้