ทิสโก้เชื่อหุ้นไทยปัจจัยหนุนในประเทศดี แนะช้อนช่วงหุ้นปรับตัวหลุด 1,300 จุด ระบุการลงทุนภาครัฐ และนโยบายต่างๆ จะช่วยกระตุ้นการบริโภคในประเทศ ขณะที่ความกังวลเรื่องดอกเบี้ยเฟด และราคาน้ำมันจะกระทบระยะสั้นเท่านั้น ล่าสุดเปิดกองทาร์เกตฟันด์ใหม่หวังทำกำไรหุ้นไทย 8%
นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด บลจ.ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า จากสถานการณ์ความกังวลการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด รวมถึงราคาน้ำมันโลกที่ดิ่งลงอย่างรุนแรง จนส่งผลให้ SET Index หลุดกรอบ 1,300 จุด ต่ำสุดในรอบ 2 ปี ล่าสุด เพื่อเป็นการจับจังหวะลงทุนในช่วงเวลาที่เหมาะสม บลจ.ทิสโก้จึงเปิดเสนอขาย “กองทุนเปิด ทิสโก้ ไทย อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8% #22โดยตั้งเป้าหมายการเลิกโครงการที่ 8% ภายในเวลา 8 เดือน หรือ ณ เวลาใดเวลาหนึ่งหลังจากเปิดให้ผู้ถือหน่วยลงทุนสามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการ ซึ่งการกำหนดเป้าหมายดังกล่าวไม่ใช่ประมาณการหรือการรับประกันผลตอบแทนตามเป้าหมายเมื่อเลิกกองทุนและเป็นเป้าหมายก่อนหักค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง โดยเปิดเสนอขายครั้งแรกวันที่ 15-16 ธ.ค. 58 นี้
“ดัชนี SET Index ปรับตัวลงแรงจนหลุดกรอบ 1,300 จุดมาตั้งแต่กลางสัปดาห์ที่ผ่านมา สาเหตุหลักมาจากราคาน้ำมันโลกที่ร่วงลงอย่างต่อเนื่องรวมถึงความกังวลในการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ซึ่งทั้งสองปัจจัยสร้างความกังวลให้แก่นักลงทุนว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ตลาดหุ้นทั่วโลกจึงปรับฐานลงรวมถึงตลาดหุ้นไทย อย่างไรก็ตาม เรามองว่าปัจจัยดังกล่าวส่งผลกระทบต่อหุ้นไทยในระยะสั้นๆ แต่ในระยะกลางถึงยาวภาพรวมเศรษฐกิจและปัจจัยพื้นฐานในประเทศยังค่อนข้างดี จากมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เช่น การอนุมัติโครงการเมกะโปรเจกต์ต่างๆ และการออกมาตรการเงินกู้ดอกเบี้ยผ่อนปรนสำหรับเกษตรกร ข้าราชการ และผู้ประกอบการ SME เป็นต้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาคการลงทุนและการบริโภคภายในประเทศ ดังนั้น การที่ดัชนี SET Index ปรับฐานลงมาเราจึงมองว่าเป็นจังหวะในการเข้าลงทุน โดยเชื่อว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐจะเป็นตัวผลักดันเศรษฐกิจและสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุน ทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นได้ในไม่ช้า จึงแนะนำทยอยซื้อที่ระดับต่ำกว่า 1,300 จุด”
ทั้งนี้ กองทุนเปิด ทิสโก้ ไทย อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8% #22 เป็นทริกเกอร์ฟันด์เน้นลงทุนในหุ้นไทยที่มีปัจจัยพื้นฐานดี ลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และ/หรือตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (MAI) โดยมีมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 5,000 บาท ผู้สนใจลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน และสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บลจ. ทิสโก้ หรือ ธนาคารทิสโก้ทุกสาขา