xs
xsm
sm
md
lg

ทิสโก้แนะลงทุนต่างประเทศ มองปี 59 หุ้นยุโรป-ญี่ปุ่นยังแรง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บลจ.ทิสโก้ชูลงทุนต่างประเทศปีหน้า แนะหุ้นยุโรป-ญี่ปุ่นยังมีอัปไซด์อีกมากแม้ราคาแพงแต่ยังให้ผลตอบแทนดี พร้อมหาจังหวะออกทริกเกอร์ต่อเนื่อง

นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ บลจ.ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจัยการลงทุนที่ต้องติดตามในปี 2559 คือการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) โดยคาดว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ย 2 ครั้งภายในครึ่งแรกของปีหน้า หลังจากนั้นจะคงดอกเบี้ยที่ 0.75-1.0% ในช่วงครึ่งหลังของปีเนื่องจากเป็นช่วงที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดี ในทางกลับกันคาดการณ์ว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ยังน่าจะผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและเงินเฟ้อที่ยังต่ำกว่าเป้า

เมื่อพิจารณาแนวโน้มการผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติมของ ECB และ BOJ ประกอบกับความเป็นไปได้ที่ Fed จะขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ซึ่งส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นยุโรปและญี่ปุ่น เนื่องจากผลกำไรจากยอดขายสินค้าจากนอกประเทศจะขยายตัวขึ้น

ดังนั้น การลงทุนในปี 2559 ยังเน้นไปที่การลงทุนในต่างประเทศโดยเฉพาะยุโรป ญี่ปุ่น โดยมองว่าการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ครั้งนี้เป็นการขึ้นที่ไม่เร็วเหมือนที่ผ่านมา ขณะที่ตลาดหุ้นจีนในปีหน้าคาดว่าจะมีความผันผวนน้อยลง เศรษฐกิจแม้จะชะลอตัวลงแต่จะมีเสถียรภาพมากขึ้น และน่าจะมีเงินไหลเข้ามาในตลาดจีนเพราะมองว่าค่าเงินหยวนมีเสถียรภาพ

“ตลาดหุ้นกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วแม้ราคาจะแพงแต่ยังให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าประเทศเกิดใหม่ และที่น่าจับตามองในปีหน้าคือราคาน้ำมันที่เริ่มปรับตัวขึ้นแต่ไม่ขึ้นสูงมาก คาดว่าราคาน่าจะอยู่ที่ระดับ 55-60 เหรียญ”

ทั้งนี้ การลงทุนในตราสารหนี้ในปีหน้านั้นควรระวังเพราะอัตราดอกเบี้ยต่ำเพราะเงินทุนมีการไหลออกไปสู่ตลาดพัฒนาแล้ว ส่วนอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศมีความน่าสนใจในยุโรป และญี่ปุ่น

ด้าน ผศ.ดร.บุญธรรม รจิตภิญโญเลิศ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า แนวโน้มเศรษฐกิจปี 2559 น่าจะเติบโตได้ดีกว่าปี 2558 ทำให้บรรยากาศการลงทุนทั่วโลกในปีหน้ายังคงเป็นปีที่ตลาดทุนยังให้ผลตอบแทนดีกว่าสินทรัพย์อื่นๆ โดยมองว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยภายใน 6 เดือนนับจากนี้ ส่วนธนาคารกลางของยุโรป ญี่ปุ่น และจีน (ECB / BoJ / PBoC) จะกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านมาตรการผ่อนคลายนโยบายการเงินในรูปแบบที่หลากหลายขึ้น ซึ่งทำให้ปี 2559 ตลาดหุ้นยุโรปโดยเฉพาะเยอรมนี ตลาดหุ้นญี่ปุ่น และตลาดหุ้นจีน จึงเป็นตลาดที่น่าสนใจเช่นกัน

นายสุพงศ์วร เมี้ยนโภคา หัวหน้าฝ่ายจัดการลงทุนต่างประเทศ บลจ.ทิสโก้ กล่าวว่า เศรษฐกิจโลกในปี 2559 จะเติบโตสูงกว่าปี 2558 และนอกจากตลาดหุ้นยุโรป และตลาดหุ้นญี่ปุ่น ที่ยังเป็นโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจแล้ว อีกทางเลือกของการลงทุนในปีหน้า คือ การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ยุโรป และ อสังหาริมทรัพย์ญี่ปุ่น เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตลงทุน และลดความผันผวนในช่วงที่ Fed ขึ้นอัตราดอกเบี้ย

โดยมองว่าการผ่อนคลายทางการเงินในยุโรปและญี่ปุ่นยังส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยต่ำทั้งในยุโรปและญี่ปุ่น นอกจากนี้ การเข้าซื้อสินทรัพย์ประเภท REIT (กองทุนทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์) ของ BoJ ประกอบกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ยังส่งผลดีต่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ทั้งสองภูมิภาค จึงถือเป็นจังหวะที่เหมาะสมในการเข้าลงทุน นอกจากนี้ การลงทุนที่มีนโยบายลงทุนเฉพาะเจาะจง (Thematic investment) อาทิ การลงทุนตามธีมเมกะเทรนด์โลกในระยะยาวที่สอดคล้องกับโครงสร้างประชากร อาทิ การลงทุนในหุ้นยุโรปที่ได้ประโยชน์จากสังคมสูงวัย (Silver Age) ก็เป็นทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจในปี 2559 เช่นกัน

ส่วนปัจจัยที่ต้องระมัดระวังในปีหน้าคือการลงทุนในตราสารหนี้ในและต่างประเทศ ซึ่งต้องระวังเพิ่มเติมจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของเฟด และการถือครอง USD เพิ่มมากขึ้น อาจมีผลทำให้สภาพคล่องตึงตัวมากขึ้น สำหรับกลุ่มตราสารหนี้ในต่างประเทศบางกลุ่ม เช่น High Yield Bond ของกลุ่มประเทศ Emerging countries ซึ่งจะทำให้ลดความน่าสนใจลงไปเมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งคุณภาพเครดิตของตราสารหนี้ในประเทศ เนื่องจากช่วงที่ผ่านมามีการออกตราสารหนี้ประเภท non-rated เป็นจำนวนมากทำให้ความเสี่ยงของตราสารหนี้ในประเทศเพิ่มสูงขึ้นด้วยเช่นกัน

นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด บลจ.ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า ในปีหน้าการลงทุนหลักยังคงอยู่ที่ต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดพัฒนาแล้วเป็นหลัก ส่วนการลงทุนในหุ้นไทยนั้นมองว่าในปีหน้าหุ้นไทยน่าจะดีขึ้นตามทิศทางเศรษฐกิจ แต่ตลาดหุ้นไทยยังไม่เป็นที่สนใจของต่างชาติมากนัก ซึ่ง บลจ.ทิสโก้ยังเน้นการลงทุนในหุ้นไทยขนาดกลาง-เล็ก มองว่าดัชนีหุ้นไทยปีหน้าอยู่ที่ระดับ 1,550-1,600 จุด

“ในปี 2550 บลจ.ทิสโก้แนะนำการลงทุนในตลาดหุ้นยุโรป เยอรมนี อสังหาริมทรัพย์ยุโรป รวมถึงการลงทุนที่ตอบโจทย์กลุ่มผู้สูงอายุ นอกจากนี้ ยังเดินหน้าออกทริกเกอร์ฟันด์ต่อเนื่องในช่วงที่เหมาะสมทั้งใน และต่างประเทศ”


กำลังโหลดความคิดเห็น