บลจ.วรรณเชื่อการลงทุนผันผวน นักลงทุนจับตาตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ และการปรับอัตราดอกเบี้ยเฟดสัปดาห์นี้ก่อนตัดสิน พร้อมแนะพักเงินกองตราสารหนี้ระยะสั้นก่อนภาวะชัดเจน ล่าสุดเปิดโลว์โอเวอร์กองใหม่ 27 พ.ค.นี้ ลงทุน 3 เดือนยิลด์ 1.50% ต่อปี
นายมณฑล จุนชยะ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดตราสารหนี้ไทยในสัปดาห์นี้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยมีโอกาสเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ เนื่องจากตลาดยังคงไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาสนับสนุน อีกทั้งนักลงทุนยังคงติดตามตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยในวันที่ 3 มิ.ย.นี้ที่จะมีการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรและตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของจีดีพี ไตรมาสที่ 1/59 ซึ่งจะมีการประกาศออกมาในวันศุกร์นี้ ซึ่งหากตัวเลขออกมาเชิงบวกจะสนับสนุนโอกาสในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ ในการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในเดือน มิ.ย.นี้
ทั้งนี้ ในภาวะที่บรรยากาศของการลงทุนทั้งในตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ยังไม่มีทิศทางการเคลื่อนไหวที่ชัดเจนมากนัก และสำหรับนักลงทุนที่ไม่สามารถรับความเสี่ยงจากความผันผวนในขณะนี้ได้ บริษัทยังคงแนะนำให้จัดสรรเงินบางส่วนของพอร์ตการลงทุนเพื่อลงทุนในกองทุนที่มีเป้าหมายการลงทุนที่ชัดเจนเมื่อครบรอบอายุโครงการ
“ตัวเลขเศรษฐกิจที่ประกาศออกมาในสัปดาห์ที่แล้ว อาทิ ยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือน เม.ย. รวมถึงการคาดการณ์ตัวเลขดัชนี PMI ภาคการผลิตในเดือน พ.ค. อาจจะอยู่ที่ระดับ 51.0 เพิ่มขึ้นจากระดับ 50.8 ในเดือน เม.ย. ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่งสัญญาณการฟื้นตัวในไตรมาส 2/59 โดยในสัปดาห์นี้ บรรยากาศการลงทุนทั้งตลาดตราสารหนี้และตลาดหุ้นไทยจะยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ คล้ายๆ กัน โดยตลาดหุ้นจะมีความผันผวนมากขึ้นจากความกังวลของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยยังสามารถลงทุนได้ที่ดัชนีต่ำกว่าระดับ 1,370 จุด และมีโอกาสปรับขึ้นทดสอบระดับ 1,400 จุดระหว่างสัปดาห์ โดยมองกรอบดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์นี้ที่ระดับ 1,365-1,400 จุด” นายมณฑลกล่าว
นายมณฑลกล่าวเพิ่มเติมว่า ล่าสุดเพื่อเป็นการตอบสนองจังหวะการลงทุนในช่วงที่มีความผันผวน บริษัทจึงเตรียมเปิดขายกองทุนตราสารหนี้ประเภท Rollover ระหว่างวันนี้ ถึง 27 พ.ค.นี้ เปิดเสนอขายกองทุนเปิดวรรณตราสารหนี้ 3M1 (1FIX-3M1) อายุโครงการ 3 เดือน ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายประมาณ 1.50% ต่อปี ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถช่วยกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนได้ โดยกองทุนจะมีนโยบายการลงทุนในตราสารหนี้ในและต่างประเทศ ได้แก่ เงินฝาก China Construction Bank Corporation และตั๋วแลกเงินในประเทศ เป็นต้น