xs
xsm
sm
md
lg

บลจ.ยูโอบีมอง ศก.ไทยแกร่งขึ้น ให้น้ำหนักลงทุนหุ้นระยะยาว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บลจ.ยูโอบีมองเศรษฐกิจไทยแกร่งขึ้น ให้น้ำหนักเชิงบวกต่อการลงทุนระยะยาว พร้อมเผยสิ้นปี 2558 สินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหารเพิ่มขึ้นเป็น 295,979 ล้านบาท คิดเป็น 10.6% ตั้งเป้าปี 59 เน้นสร้างนวัตกรรมการลงทุนใหม่ๆ เข้าตลาด

นางสาวศิริพรรณ สุทธาโรจน์ กรรมการผู้จัดการ สายการลงทุน บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในแง่ของพื้นฐานทางเศรษฐกิจและการลงทุนไม่ได้มีอะไรใหม่แต่นักลงทุนตอบรับข่าวเร็วและมากขึ้นจึงทำให้ตลาดผันผวนมากขึ้น โดยภาพรวมเศรษฐกิจโลกในปีนี้คาดว่าจะโตต่อเนื่องเป็น 3.4% จากปีที่แล้ว 3.1% โดยเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วมีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มขึ้นทั้งสหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่น ในขณะที่เศรษฐกิจทางเอเชียชะลอตัวลง ในส่วนของเศรษฐกิจไทยน่าจะโตได้ 3.5% โดยมีปัจจัยบวกจากการใช้จ่ายภาครัฐและการท่องเที่ยวเองยังเป็นปัจจัยบวกต่อเนื่อง ด้านดอกเบี้ยนโยบาย (R/P 1 วัน) มีแนวโน้มที่จะคงไว้ที่ 1.5% ไปจนถึงสิ้นปี จนกว่าจะมั่นใจในทิศทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อกลับมาเป็นขาขึ้นอย่างชัดเจน

“ตลาดหุ้นไทยในปี 2559 ยังเผชิญกับความผันผวน อย่างไรก็ตาม ปัจจัยพื้นฐานในประเทศที่มีแนวโน้มดีขึ้นจะเป็นตัวกระตุ้นมุมมองบวกต่อตลาดหุ้นในระยะยาว ดังนั้นบริษัทยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนระยะยาวในตลาดหุ้นไทย”

ขณะที่นางสาวณัชชา สุนทรธาราวงศ์ กรรมการผู้จัดการอาวุโส สายพัฒนาธุรกิจ บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลาดการเงินที่มีความผันผวนมากขึ้นทำให้การกระจายการลงทุนมีความสำคัญมากขึ้น ทำให้สัดส่วนของกองทุนที่ไปลงทุนในต่างประเทศ (FIF) ของบริษัทโตขึ้นกว่า 34.23%

โดยแนวคิดการลงทุนในปีนี้ที่บริษัทอยากแนะนำ ได้แก่ 1. การดำเนินนโยบายการเงินที่สวนทางกัน ที่น่าสนใจได้แก่ หุ้นญี่ปุ่น และยุโรป 2. การลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงท่ามกลางความผันผวน ได้แก่ กองทุนเปิดยูไนเต็ด โกลบอล ดูเรเบิ้ล อิควิตี้ ฟันด์ (UGD) และกองทุนเปิดยูไนเต็ด อินคัม โฟกัส ฟันด์ (UIF) 3. การลงทุนในหุ้นเมกะเทรนด์ ได้แก่ หุ้นสุขภาพโลก และ 4. หุ้นในประเทศ ในปีที่ผ่านมาในกลุ่มกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ของบริษัทมีเงินไหลเข้ากองทุนเปิด บรรษัทภิบาล หุ้นระยะยาว (CG-LTF) เป็นอันดับ 5 ของอุตสาหกรรม ในปีนี้จึงเตรียมจะตั้งกองทุนที่มีนโยบายลงทุนเดียวกันแต่เป็นกองทุนหุ้นทั่วไปและกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) เพิ่มเติมอีก 2 กอง

“พอร์ตการลงทุนที่แนะนำสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง ตราสารหนี้ในประเทศ 40% ตราสารหนี้ต่างประเทศ 30% หุ้นไทย 10% และหุ้นต่างประเทศ 20% จะทำให้ผลตอบแทนคาดหวังเฉลี่ยอยู่ที่ 5.5% ในขณะที่มีความเสี่ยง 6.0%”

AUM ปี 58 โตเพิ่ม 10.6%

นายวนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ปี 2558 บริษัทมีสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) เพิ่มขึ้นเป็น 295,979 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.6% โดยมีการเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยธุรกิจกองทุนรวมโตขึ้น 7.6% โดยเฉพาะในกลุ่มกองทุนรวมที่ไปลงทุนในต่างประเทศ (FIF) มีเงินไหลเข้ากว่า 50,000 ล้านบาท มีส่วนแบ่งการตลาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของอุตสาหกรรม ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลโตขึ้น 10.5% และธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพโตขึ้น 15.6% ซึ่งเป็นผลมาจากความร่วมมือกับพันธมิตรระดับสากลและศักยภาพของ บลจ.ยูโอบีที่มีความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุน ช่องทางจัดจำหน่ายที่มีประสิทธิภาพ และได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายของกลุ่ม บลจ.ยูโอบี (สิงคโปร์) และประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค เป็นปัจจัยที่ทำให้บริษัทสามารถบริหารกองทุนและแสวงหาโอกาสเพื่อสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสมให้ผู้ลงทุนได้ในแต่ละสภาวการณ์

“ปี 2559 นี้บริษัทตั้งเป้าการเติบโตในภาพรวมไม่น้อยกว่าการเติบโตของอุตสาหกรรม รวมทั้งการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ในการลงทุนเพื่อรองรับตลาดที่มีความผันผวนมากขึ้น รวมทั้งการขยายช่องทางการจัดจำหน่าย พร้อมทั้งอัปเดตการลงทุนให้ลูกค้าอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง”


กำลังโหลดความคิดเห็น