xs
xsm
sm
md
lg

บลจ.กรุงไทยชี้ตลาดผันผวนเน้นลงทุนปลอดภัย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บลจ.กรุงไทยเผยผลงานปี 58 AUM โต 4% ตั้งเป้าปีนี้โต 15% ยังเน้นการเติบโตในทุกธุรกิจ ชี้การลงทุนปีนี้ผันผวน เศรษฐกิจโลกยังโต หุ้น ยุโรป ญี่ปุ่นยังให้น้ำหนักลงทุน มองดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวในช่วง 1,150-1,480 จุด

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ณ วันที่ 30 ธันวาคม 2558 อยู่ที่ 617,621 ล้านบาท โตกว่าปี 2557 ประมาณ 4% โดยมีสัดส่วนการลงทุนแบ่งเป็น กองทุนรวม 53% กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 32% กองทุนส่วนบุคคล 5% กองทุนอสังหาริมทรัพย์และรีท 10% ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมามีการโตมาจากกองทุน Money Market ที่โตเพิ่มขึ้น 65%

ปัจจุบันมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิประมาณ 98,200 ล้านบาท กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) โตเพิ่มขึ้น 10% และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) โตเพิ่มขึ้น 12.6% นอกจากนี้ ในปีที่ผ่านมาบริษัทได้มีการออกกองทุนใหม่ๆ เช่น กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้น Mid-Small Cap, กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้น mai, กองทุนต่างประเทศ, กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้าพระนครเหนือ ชุดที่ 1( EGATIF) ขนาด 20,855 ล้านบาท และ บทบาทใหม่ในฐานะทรัสตี กองรีทส์กองแรก ได้แก่ กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ บิสซิเนส คอมเพล็กซ์ (WHABT) ขนาดกองทุน 2,020 ล้านบาท

ทั้งนี้ ในปี 2559 บริษัทมีเป้าหมายเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินสุทธิเป็น 714,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 15% จากปี 2558 โดยจะเน้นขยายฐานลูกค้ารายย่อย และมีแผนออกกองทุนใหม่ๆ ทั้งในและต่างประเทศ ขณะเดียวกันบริษัทยังได้เริ่มบทบาทใหม่ในเรื่อง PE Trust Manager และ PE Manager ซึ่งคาดว่าจะเป็นส่วนช่วยผลักดันให้ธุรกิจรายเล็กๆ ได้เติบโตในอุตสาหกรรมได้

นายวีระ วุฒิคงศิริกูล รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน เปิดเผยว่า ภาพรวมของเศรษฐกิจโลกปีนี้มองว่ายังมีการเติบโตขึ้นแต่ไม่โตในระดับสูง โดยสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่นยังมีการเติบโตต่อเนื่อง มองว่าในปีนี้สหรัฐฯ น่าจะขึ้นดอกเบี้ยอีกถึงจะปรับขึ้นถึง 4 ครั้งแต่ดอกเบี้ยรวมก็อยู่ที่ระดับ 1% กว่าซึ่งถือว่าไม่มาก ขณะที่ยุโรป ญี่ปุ่น น่าจะมีการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาอีก

ส่วนประเทศเกิดใหม่ในปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจปรับตัวลดลงไปมาก แต่ในปีนี้น่าจะดีขึ้น ส่วนจีนชะลอตัวแต่ไม่ปรับตัวลงแรง ด้านเศรษฐกิจไทย การลงทุนของรัฐบาลจะเป็นตัวช่วยเศรษฐกิจและทำให้เกิดความเชื่อมั่น นอกเหนือจากการท่องเที่ยวที่มีการเติบโตสูงในปีที่ผ่านมา

“ภาวะดอกเบี้ยที่ต่ำทั่วโลกยังคงเป็นต่อไปอีกระยะ เศรษฐกิจโลกจะอยู่ในภาวะที่ฟื้นตัวในระดับต่ำและตลาดจะมีความผันผวนสูง ซึ่งตลาดหุ้นที่ยังให้ผลตอบแทนดีในปีนี้ยังเป็นตลาดหุ้นยุโรป ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ ขณะที่ตลาดเกิดใหม่ปัจจุบันราคาสินทรัพย์เริ่มถูกน่าเป็นโอกาสในการลงทุน ส่วนราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงไปมากน่าจะถึงระดับต่ำสุดแล้ว ราคาน่าจะปรับตัวขึ้นไปเฉลี่ยในระดับ 50 เหรียญได้ในปีนี้”

สำหรับประเทศไทย ยังคาดหวังต่อแผนการลงทุนของภาครัฐ การเติบโตจากภาคการท่องเที่ยว และการฟื้นตัวของภาคการบริโภค โดยภาพรวมตลาดหุ้นคาดว่าจะแกว่งตัวในช่วง 1,150-1,480 จุด

ส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ ยังมีปัจจัยบวกจากสภาพคล่องที่มีอยู่สูงมาก และคาดว่าดอกเบี้ยนโยบายจะคงในระดับต่ำไปถึงปลายปีเป็นอย่างน้อย ขณะที่คาดว่า FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป

“กลยุทธ์การลงทุนหลักในปีนี้ บริษัทฯ คาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุนประมาณ 3%-6% โดยเน้นการกระจายการลงทุนเพื่อลดความผันผวน และเน้นการลงทุนในตราสารทุน รวมถึงสินทรัพย์ที่สร้างกระแสรายได้อื่นๆ เช่น กองทุนอสังหาริมทรัพย์ REITs/Infra fund และในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะออกกองทุนใหม่เป็นกองทุนหุ้นที่ไปลงทุนในกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งคาดว่าจะออกกองทุนได้ในช่วงครึ่งปีแรก โดยมีนักลงทุนสถาบันให้ความสนใจมาก”


กำลังโหลดความคิดเห็น