นักวิเคราะห์ต่างชาติมองภาพรวมเศรษฐกิจโลกยังดีอยู่ บลจ.วรรณแนะจัดพอร์ตลุยในประเทศและต่างประเทศอย่างละครึ่ง ให้น้ำหนักการลงทุนในรีสท์และกองทุนอสังหาฯ เป็นหลัก ระบุดัชนีหุ้นไทยปีนี้อยู่ในกรอบ 1,300-1,500 จุด กลุ่มธนาคาร ท่องเที่ยว ขนส่ง และการบริโภคน่าสนใจ
อเล็กซิส เกรย์ นักเศรษฐศาสตร์ แวนการ์ด อินเวสต์เมนต์ สแตรทีจี กรุ๊ป สิงคโปร์ กล่าวถึงเศรษฐกิจสหรัฐฯ ว่า ตัวเลขอุตสาหกรรมสำคัญๆ ของสหรัฐฯ รวมถึงตัวเลขการจ้างงานในภาพรวมยังดีอยู่ โดยเราคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ อยู่ที่ 1-2% ซึ่งหากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ไม่มีการปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วเศรษฐกิจไม่น่าจะถดถอยลง
ขณะที่ นิโคลัส วิลคอซ เจพี มอร์แกน แอสเซท แมเนจเมนต์ ผู้จัดการกองทุนหุ้นยุโรป กล่าวว่า เราค่อนข้างมีมุมมองบวกกับเศรษฐกิจยุโรปเพราะความเชื่อมั่นของประชาชนดีขึ้นทำให้การบริโภคภายในประเทศดีขึ้น การทำ QE และการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นการช่วยทำให้เงินยูโรอ่อนค่าลงทำให้เกิดการปล่อยกู้มากขึ้นเพิ่มสภาพคล่องในตลาด โดย อิตาลี สเปน และไอร์แลนด์เป็นประเทศที่เติบโตขึ้นอย่างชัดเจน
วาทารุ โอกิฮาระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน ในส่วนตราสารทุนทั่วโลก โนมูระ แอสเซท แมเนจเมนต์ กล่าวว่า ธนาคารกลางของญี่ปุ่น หรือBOJ จะไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการทำ QE ในช่วงครึ่งปีแรกนี้ส่งผลให้เงินเยนมีโอกาสแข็งค่าขึ้นซึ่งมีผลกระทบในแง่ลบบ้าง แต่ถ้ามองในมุมตลาดหุ้น เงินเยนที่แข็งค่าในระดับ 115 เยนต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้น ส่วน GDP ญี่ปุ่นมีโอกาสโตประมาณ 1% จากปัจจัยพื้นฐานและการท่องเที่ยว ซึ่งจากปัจจัยนี้จะทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 1%
ส่วนกอร์ดอน ซุย หัวหน้าทีมตราสารหนี้ บริษัท ไทคัง แอสเซท แมเนจเมนต์ (ฮ่องกง) จำกัด กล่าวว่า โดยรวมเศรษฐกิจจีนจะยังชะลอตัวต่อ เนื่องจากในอดีตเศรษฐกิจจีนพึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก แต่ปัจุบันเศรษฐกิจจีนพึ่งพิงการบริโภคภายในประเทศเป็นหลักแทน โดยความเชื่อมั่นของผู้บริโภคก็เพิ่มสูงขึ้น นโยบายของรัฐส่วนใหญ่จึงเป็นมาตรการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศเป็นหลัก ซึ่งจะเป็นผลดีให้การเติบโตของ GDP ที่ 6.5% ได้
วรรณแนะแบ่งครึ่งพอร์ตหุ้นไทย-เทศ
นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ กล่าวว่า เรามองเป้าดัชนีหุ้นไทยอยู่ที่ 1,300-1,500 จุด โดยหุ้นกลุ่มที่เราให้น้ำหนักได้แก่ กลุ่มธนาคาร กลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มขนส่ง กลุ่มการบริโภค และกลุ่มโรงพยาบาล ส่วนกลุ่มที่ควรลดน้ำหนักการลงทุน ได้แก่ กลุ่มพลังงาน กลุ่มก่อสร้าง และกลุ่ม ICT
สำหรับการจัดพอร์ตการลงทุนในปีนี้แบ่งเป็นการลงทุนในประเทศ 50% ได้แก่ กองทุนหุ้นไทย 20% กองทุนอสังหาฯ หรือรีสท์อีก 20% กองทุนตราสารหนี้ 10% และการลงทุนในต่างประเทศอีก 50% ได้แก่ การลงทุนในกองทุนหุ้นยุโรป กองทุนหุ้นญี่ปุ่น ประมาณ 25% อีก 15% ลงทุนในกองอสังหาฯ ต่างประเทศหรือรีสท์อีก 15%และอีก 10% ลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศที่ทำการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนแล้ว
