บลจ.กรุงไทยเตรียมปันผลกองทุน “เคแทม เวิลด์ พร็อพเพอร์ตี้ ฟันด์” ที่ 0.50 บาทต่อหน่วย พร้อมชูจุดเด่นกระจายลงทุนอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลกผ่านกองทุน Henderson Global Property นักลงทุนพร้อมรับปันผลในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2559 นี้
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทประสบความสำเร็จอย่างมากในการบริหารกองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ พร็อพเพอร์ตี้ ฟันด์ (KT-PROPERTY) ดังนั้นคณะกรรมการจัดการลงทุนของบริษัทจึงมีมติจ่ายปันผลกองทุน KT-PROPERTY ครั้งที่ 4/2558ในอัตรา 0.50 บาทต่อหน่วย ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน สำหรับรอบบัญชีตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2558-31 ธันวาคม 2558 ผลการดำเนินงานสิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2559
ทั้งนี้ กองทุน KT-PROPERTY มีนโยบายการลงทุนในหน่วยลงทุนกองทุนรวมหลัก Henderson Global Property โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนซึ่งเป็นบริษัทจัดการระดับโลกที่มีทีมงานบริหารที่แข็งแกร่งด้านอสังหาริมทรัพย์ โดยกองทุนนี้มีความน่าสนใจเนื่องจากเป็นการเพิ่มโอกาสในการกระจายการลงทุนไปยังอสังหาริมทรัพย์ที่มีศักยภาพโดดเด่นทั่วโลก กองทุนหลักลงทุนในหลากหลายประเภทอสังหาริมทรัพย์ผ่านหลักทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง มีโอกาสรับผลตอบแทนในรูปเงินปันผลจากรายได้ค่าเช่า และมูลค่าของสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น
สำหรับผลการดำเนินงาน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2558 ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 6.53% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 2.43 % ย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 17.00% และ YTD อยู่ที่ 2.43% ส่วนเกณฑ์มาตรฐานย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 10.83% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 9.20% ย้อนหลัง3 ปีอยู่ที่ 44.26% YTD อยู่ที่ 9.20%
นอกจากนี้ บลจ.กรุงไทยยังได้ขยายเวลาในการเปิดขายกองทุนเปิดเคแทม อินเดีย อิควิตี้ ฟันด์ ( KT-INDIA) ไปถึงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2559 นี้ สำหรับกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนรวมที่เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Invesco India Equity Fund (กองทุนรวมหลัก) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม โดยกองทุนรวมหลักมีวัตถุประสงค์บริหารเงินเพื่อการเติบโตของเงินลงทุนในระยะยาว เน้นลงทุนในตราสารทุนของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของอินเดียเป็นหลัก
ทั้งนี้ การลงทุนในตลาดหุ้นอินเดียมีความน่าสนใจ เนื่องจากมีนโยบายการปฏิรูปภายในประเทศ มีจุดประสงค์เพื่อส่งเสริมการลงทุนและดึงดูดนักลงทุนทั้งภายในและภายนอกประเทศอินเดีย มีการปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานเพื่อให้เอื้ออำนวยต่อการทำธุรกิจที่ง่ายขึ้น และการลดขั้นตอนต่างๆ เพื่อที่จะเพิ่มกำลังการผลิต (Productivity) ส่งเสริม Digital Economy และความโปร่งใสของการบริหารงานในองค์กรต่างๆ ทั้งนี้ การปฏิรูปจะส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ของตลาดทุนและระบบเศรษฐกิจโดยรวม ทำให้ตลาดอินเดียมีความน่าสนใจเพิ่มมากขึ้นอย่างมาก
โดยผลตอบแทนของกองทุนรวมหลัก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2558 ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 4.81% ย้อนหลัง 2 ปีอยู่ที่ 19.26% และย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 11.31% ซึ่งสูงกว่าดัชนีอ้างอิง โดยผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ -6.51% ย้อนหลัง 2 ปีอยู่ที่ 8.20% และย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 3.92%