บลจ.ไทยพาณิชย์ บลจ.วรรณ และ บลจ.กรุงไทย พร้อมใจส่งกองทุนตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า พร้อมชูผลตอบแทนโดนใจ
นายสมิทธ์ พนมยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมการลงทุนในครึ่งแรกปี 2559 ว่า เศรษฐกิจโลกในปีนี้มีแนวโน้มการขยายตัวดีขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง โดยเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีสัญญาณฟื้นตัวที่ชัดเจนจากการบริโภคภายในประเทศและตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง ส่วนเศรษฐกิจยุโรปมีการขยายตัวได้จากการบริโภคภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจโลกก็ยังคงต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของประเทศตลาดเกิดใหม่ทำให้นักลงทุนยังคงเผชิญสภาพตลาดโดยรวมที่มีความผันผวนสูง และประกอบกับอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ที่ถดถอย
ทั้งนี้ บลจ.ไทยพาณิชย์จึงได้นำเสนอกองทุนที่มีนโยบายผสม มีการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย (Multi Asset) ซึ่งมีโอกาสสร้างผลตอบแทนการลงทุนได้ดีกว่าการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทใดประเภทหนึ่งเพียงสินทรัพย์เดียวหรือลงทุนในประเทศใดประเทศหนึ่ง ทั้งยังสามารถสร้างรายได้จากการลงทุนได้อย่างสม่ำเสมอตลอดการถือครองหน่วยลงทุน โดยการออกกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ โกลบอลอินคัมพลัส (SCB Global Income Plus Fund) มีมูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท เริ่มเสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 26 มกราคม-1 กุมภาพันธ์ 2559 ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำ 1 ล้านบาท เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว ได้แก่Deutsche Invest I Multi Opportunities : Share Class USD LDMH ในสกุลเงิน USD โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ จำกัด กล่าวว่า บริษัทประเมินว่าตลาดตราสารหนี้ในประเทศไทยยังคงได้รับอานิสงส์ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น จากการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติที่เป็นผลมาจากการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบของธนาคารกลางของประเทศเศรษฐกิจหลัก และเฟดเริ่มส่งสัญญาณการชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ขณะที่โอกาสในการสร้างผลตอบแทนจากการซื้อขายพันธบัตรยังมีอยู่ บริษัทจึงเปิดเสนอขาย กองทุน วรรณอินคัม พลัส 1Y ฟันด์ (ONE-INCOMEPLUS1Y) ระหว่างวันที่ 27 มกราคม ถึงวันที่ 5 กุมภาพันธ์นี้ เน้นลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศ และมีเป้าหมายเลิกกองทุนเมื่อมูลค่าหน่วย (NAV) ลงทุนปรับผ่านที่ระดับ 10.33 บาทต่อหน่วยภายใน 1 ปี ทั้งนี้ หากกองทุนไม่แตะระดับ 10.33 บาทต่อหน่วย เมื่อครบกำหนดอายุโครงการ 1 ปีกองทุนจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติที่ระดับราคาเป้าหมาย 10.15 บาทต่อหน่วย ซึ่งทำให้เป้าหมายดังกล่าวมากกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ อีกทั้ง กองทุน ONE-INCOMEPLUS1Y จะแบ่งสัดส่วนการลงทุน 60% ตราสารหนี้ประเภท High Yield Bond ในประเทศ และ 40% ลงทุนพันธบัตรรัฐบาล โดยเน้นกลยุทธ์การลงทุนแบบ Trading จับจังหวะการปรับขึ้นของราคาพันธบัตร
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย กล่าวว่า บริษัทยังเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 82 (KTFF82)อายุ 6 เดือน เสนอขายตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2559 เน้นลงทุนตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ ประกอบด้วย MTN ที่ออกโดย Banco Latinoamericano de Comercio Exterior, S.A., เงินฝากประจำ Agricultural Bank of CHINA , Agricultural Bank of CHINA , Bank of China (Macau), Abu Dhabi Commercial Bank PJSC และ Ahli Bank QSC ในสัดส่วน 90% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในตั๋วแลกเงิน บมจ.บัตรกรุงไทย ผลตอบแทนประมาณ 1.85% ต่อปี บุคคลธรรมดาไม่เสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย นอกจากนี้ ลูกค้าให้ความสนใจลงทุนในกองทุนเปิดเคแทม อินเดีย อิควิตี้ ฟันด์ (KT-INDIA) ค่อนข้างมาก บริษัทจึงขยายระยะเวลาในการเปิดจำหน่ายออกไปถึงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2559 อีกด้วย
นายสมิทธ์ พนมยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมการลงทุนในครึ่งแรกปี 2559 ว่า เศรษฐกิจโลกในปีนี้มีแนวโน้มการขยายตัวดีขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง โดยเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีสัญญาณฟื้นตัวที่ชัดเจนจากการบริโภคภายในประเทศและตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง ส่วนเศรษฐกิจยุโรปมีการขยายตัวได้จากการบริโภคภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจโลกก็ยังคงต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของประเทศตลาดเกิดใหม่ทำให้นักลงทุนยังคงเผชิญสภาพตลาดโดยรวมที่มีความผันผวนสูง และประกอบกับอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ที่ถดถอย
ทั้งนี้ บลจ.ไทยพาณิชย์จึงได้นำเสนอกองทุนที่มีนโยบายผสม มีการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย (Multi Asset) ซึ่งมีโอกาสสร้างผลตอบแทนการลงทุนได้ดีกว่าการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทใดประเภทหนึ่งเพียงสินทรัพย์เดียวหรือลงทุนในประเทศใดประเทศหนึ่ง ทั้งยังสามารถสร้างรายได้จากการลงทุนได้อย่างสม่ำเสมอตลอดการถือครองหน่วยลงทุน โดยการออกกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ โกลบอลอินคัมพลัส (SCB Global Income Plus Fund) มีมูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท เริ่มเสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 26 มกราคม-1 กุมภาพันธ์ 2559 ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำ 1 ล้านบาท เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว ได้แก่Deutsche Invest I Multi Opportunities : Share Class USD LDMH ในสกุลเงิน USD โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ จำกัด กล่าวว่า บริษัทประเมินว่าตลาดตราสารหนี้ในประเทศไทยยังคงได้รับอานิสงส์ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น จากการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติที่เป็นผลมาจากการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบของธนาคารกลางของประเทศเศรษฐกิจหลัก และเฟดเริ่มส่งสัญญาณการชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ขณะที่โอกาสในการสร้างผลตอบแทนจากการซื้อขายพันธบัตรยังมีอยู่ บริษัทจึงเปิดเสนอขาย กองทุน วรรณอินคัม พลัส 1Y ฟันด์ (ONE-INCOMEPLUS1Y) ระหว่างวันที่ 27 มกราคม ถึงวันที่ 5 กุมภาพันธ์นี้ เน้นลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศ และมีเป้าหมายเลิกกองทุนเมื่อมูลค่าหน่วย (NAV) ลงทุนปรับผ่านที่ระดับ 10.33 บาทต่อหน่วยภายใน 1 ปี ทั้งนี้ หากกองทุนไม่แตะระดับ 10.33 บาทต่อหน่วย เมื่อครบกำหนดอายุโครงการ 1 ปีกองทุนจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติที่ระดับราคาเป้าหมาย 10.15 บาทต่อหน่วย ซึ่งทำให้เป้าหมายดังกล่าวมากกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ อีกทั้ง กองทุน ONE-INCOMEPLUS1Y จะแบ่งสัดส่วนการลงทุน 60% ตราสารหนี้ประเภท High Yield Bond ในประเทศ และ 40% ลงทุนพันธบัตรรัฐบาล โดยเน้นกลยุทธ์การลงทุนแบบ Trading จับจังหวะการปรับขึ้นของราคาพันธบัตร
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย กล่าวว่า บริษัทยังเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 82 (KTFF82)อายุ 6 เดือน เสนอขายตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2559 เน้นลงทุนตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ ประกอบด้วย MTN ที่ออกโดย Banco Latinoamericano de Comercio Exterior, S.A., เงินฝากประจำ Agricultural Bank of CHINA , Agricultural Bank of CHINA , Bank of China (Macau), Abu Dhabi Commercial Bank PJSC และ Ahli Bank QSC ในสัดส่วน 90% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในตั๋วแลกเงิน บมจ.บัตรกรุงไทย ผลตอบแทนประมาณ 1.85% ต่อปี บุคคลธรรมดาไม่เสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย นอกจากนี้ ลูกค้าให้ความสนใจลงทุนในกองทุนเปิดเคแทม อินเดีย อิควิตี้ ฟันด์ (KT-INDIA) ค่อนข้างมาก บริษัทจึงขยายระยะเวลาในการเปิดจำหน่ายออกไปถึงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2559 อีกด้วย