โดย ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ
Dr.win@one-asset.com
ภาพการลงทุนในตลาดต่างประเทศของปีนี้ ส่วนใหญ่มีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นของประเทศพัฒนาแล้ว (Develop Market) เนื่องจากได้รับผลดีจากการเคลื่อนย้ายเงินทุนจากนักลงทุนต่างชาติไปยังสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยหลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ประกอบกับปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ยังทรงตัวได้ดีและโอกาสของสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้นจากการผ่อนคลายนโยบายการเงินเชิงปริมาณของธนาคารกลางของยุโรปและญี่ปุ่น ยิ่งเป็นปัจจัยบวกเพิ่มความน่าสนใจให้กับตลาดหุ้นในประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งมุมมองผมในตลาดหุ้นในภูมิภาคหลักๆ ช่วงครึ่งปีแรกมี ดังนี้
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ คาดการณ์ดัชนี S&P500 ปีนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นเล็กน้อย โดย Bloomberg Consensus (ณ วันที่ 4 ม.ค.) ประมาณการระดับดัชนีเป้าหมาย 2,200 จุด จากระดับดัชนีเมื่อช่วงสิ้นปี 2558 ที่ระดับ 2,044 จุด โดยมีอัตราส่วนราคาตลาดต่อกำไรสุทธิ (P/E ratio) อยู่ที่ 17.71 เท่า ซึ่งระดับค่า P/E ดังกล่าวบริษัทมองว่าเป็นระดับค่อนข้างแพงหากเทียบกับตลาดหุ้นในประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ อย่างไรก็ดี ในภาพของการลงทุนในตลาดหุ้น ผมมองว่าผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนมีแนวโน้มที่ดี ปัจจัยพื้นฐานค่อนข้างแข็งแกร่ง และยังมีโอกาสสร้างผลตอบแทน โดยคาดการณ์อัตราจ่ายปันผลปีนี้ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดที่ระดับ 2.43% ซึ่งกลยุทธ์การลงทุน บริษัทแนะนำเน้นการคัดเลือกลงทุนหุ้นเป็นรายตัวที่ยังมีโอกาสเติบโต ราคายังไม่สูงจนเกินไป และปัจจัยพื้นฐานมีแนวโน้มที่ดี เช่น กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย กลุ่มเฮลท์แคร์ เป็นต้น
ตลาดหุ้นยุโรป คาดการณ์ระดับดัชนีเป้าหมาย Euro Stoxx50 ปีนี้ที่ระดับ 3,646 จุด จากระดับดัชนีเมื่อช่วงสิ้นปี 2558 ที่ระดับ 3,267 จุด และคาดการณ์ระดับ P/E ratio อยู่ที่ 15.31 เท่า โดยมองว่าเป็นระดับที่น่าสนใจหากราคาหุ้นมีการปรับตัวลดลง เนื่องจากตลาดหุ้นยังได้รับผลดีจากการขยายเวลามาตรการผ่อนคลายทางการเงินที่ส่งผลดีต่อค่าเงินยูโรและตลาดหุ้นยุโรป อีกทั้งมองว่าทางธนาคารกลางยุโรป (ECB) ยังสามารถเพิ่มมาตรการผ่อนคลายทางการเงินอื่นๆ ได้อีก หากเศรษฐกิจของแถบยูโรโซนยังมีความจำเป็นต้องใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ เพิ่มเติม โดยในภาพการลงทุน ผมมองว่าหุ้นขนาดใหญ่ของประเทศพัฒนาแล้วในแถบยูโรโซน ได้แก่ เยอรมนี ฝรั่งเศส อังกฤษ มีความน่าสนใจ เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และมีมูลค่าหุ้นไม่แพง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเทียบกับสหรัฐฯ
ตลาดหุ้นญี่ปุ่น แม้ว่าเศรษฐกิจประเทศญี่ปุ่นยังไม่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน แต่ก็เริ่มส่งสัญญาณการฟื้นตัวที่ค่อยๆ ดีขึ้น ซึ่งยังต้องติดตามผลจากการกระตุ้นภาคการบริโภคและการลงทุนของภาครัฐบาล หลังจากที่รัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณปี 2559 ที่จะเริ่มใช้ในวันที่ 1 เม.ย. 2559 อยู่ที่ 96.72 ล้านล้านเยน เพิ่มขึ้นจากปี 2558 อยู่ที่ 96.3 ล้านล้านเยน ด้านภาพการลงทุนยังคงอยู่ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นยุโรป โดยกำไรของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับภาคการส่งออกจะได้รับผลดีจากแนวโน้มค่าเงินเยนที่อ่อนค่า โดยในช่วงไตรมาสแรกตลาดคาดการณ์ค่าเงินเยนมีแนวโน้มอ่อนค่าอยู่ที่ระดับประมาณ 124 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ Bloomberg consensus ประเมินเป้าหมาย ดัชนี Nikkei 225 ในปีนี้ที่ 22,500 จุด และประเมิน P/E Ratio อยู่ที่ 21.63 เท่า ขณะที่ประเมินแนวโน้มอัตราการจ่ายปันผลบริษัทจดทะเบียนในตลาดที่ระดับ 1.91% อย่างไรก็ดี สำหรับการกระจายการลงทุนในต่างประเทศในช่วงที่ดัชนีปรับฐาน ผมมองเป็นโอกาสทยอยเข้าลงทุน
ขณะที่ตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา (Emerging Market) ผมมองว่าในช่วงครึ่งปีแรกตลาดหุ้นในกลุ่ม EM ยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่เสริมความน่าสนใจอย่างโดดเด่น อีกทั้งเศรษฐกิจของ EM ยังได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศจีน โดยตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ ของจีนได้สะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจซึ่งยังไม่ชัดเจน และประเทศ EM ส่วนใหญ่เป็นคู่ค้ากับประเทศจีน ดังนั้น ผลกระทบจึงอยู่ในลักษณะของลูกโซ่ รวมถึงบรรยากาศการลงทุนในเชิงจิตวิทยา นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเกี่ยวกับค่าเงินภูมิภาคที่อ่อนค่าลงหากเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ทำให้แรงจูงใจเข้าลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติมีไม่มาก
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาในแง่ Valuation ปัจจุบันถือว่าอยู่ในระดับที่น่าสนใจ หากเทียบกับโอกาสการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เนื่องจากประเทศในกลุ่ม EM หลายๆ ประเทศยังคงใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเร่งสร้างความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจ ซึ่งผมมองว่า ภาพเศรษฐกิจน่าจะเริ่มชัดเจนขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง โดยยังต้องติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น โดยรวมภาพตลาดหุ้นในปีนี้น่าจะยังคงผันผวนจากหลายๆ ปัจจัย และในมุมของการลงทุนปีนี้ ผมยังแนะนำกระจายการลงทุนในต่างประเทศบางส่วน ซึ่งผมจะคอยติดตามและ Update ภาวะตลาดให้ทราบเรื่อยๆ ครับ
•นักลงทุนสามารถสอบถามเพิ่มเติมและขอรับร่างหนังสือชี้ชวนได้ที่ฝ่ายบริการลูกค้าและสนับสนุนธุรกิจที่หมายเลข 0-2659-8888 ต่อ 1 ครับ
•“ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน”