เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2015 ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปร่วมงานประชุมของสมาคมบริษัทจัดการลงทุน ผมได้นำเสนอมุมมองการลงทุน นำเสนอความคิด จุดประกาย “ความสว่าง” เป็นความหวังสำหรับนักลงทุนไทย โดยเสนอว่า
... Fight the Fear คือ เอาชนะความกลัว (เกินเหตุ) และ
... Cheered by Hope ซึ่งคือ มีกำลังใจกับความหวัง (ที่ถูกมองข้าม)
สัปดาห์ที่แล้วผมได้เสนอความเห็นว่าไม่ต้องกลัว 4 เรื่องใหญ่ๆ ไปแล้ว สัปดาห์นี้ผมขอต่อที่ความหวังต่อหลายประการ ดังต่อไปนี้
ความหวัง 1. ร่วมแรงร่วมใจ สร้างไทยเข้มแข็ง ในอดีตคนไทยไม่เข้มแข็ง จิตใจอ่อนไหว เพียงระเบิดเล็กๆ ที่บริเวณราชประสงค์ปลายปี 2006 คนไทยก็กลัว และเกิดอารมณ์เสียขวัญ จนทำให้การจับจ่ายตกลงไปร่วมครึ่งปี
หากมองที่ตลาดสหรัฐฯ เมื่อเผชิญการก่อการร้ายใหญ่ 9/11 ชาวอเมริกันรู้ว่าได้เวลา “รวมใจ” สู้ภัยศัตรูแผ่นดินร่วมกัน ตั้งแต่ระดับผู้นำชาติ จนถึงธนาคารกลาง และ นักลงทุนทั้งหลาย
ผมนึกว่าตลาดหุ้นเขาจะต้องตกสุดๆ ทุกคนหนีตาย ลองนึกดู ไม่มีใครนึกว่าจะมีใครบังอาจก่อการร้ายต่ออาคารที่สูงที่สุดของสหรัฐฯ ที่เป็นสัญลักษณ์ของระบบทุนนิยมโลก ศูนย์กลางการเงิน
ผลกระทบต่อการท่องเที่ยว การบิน ประกันฯ จะขนาดไหน แต่เขาก็ร่วมแรงร่วมใจ ประกอบกับการลดดอกเบี้ยอย่างทันการณ์ของธนาคารกลาง ทำให้ตลาดเขาตก 7.1% ในวันแรกของการซื้อขาย และตกรวมประมาณ 14% สะสมในหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งก็นับว่าหนัก แต่ก็ไม่มากนักกับเหตุการณ์ที่น่าตื่นตระหนกขนาดนั้น
ในเหตุการณ์วางระเบิดแยกราชประสงค์ วันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา ครั้งนี้คนไทยถือว่ามีหัวใจที่เข้มแข็ง หุ้นลงเพียง 2.56% ในวันแรกถัดมาที่ตลาดหุ้นเปิดทำการซื้อขาย และตกรวมในสัปดาห์เพียง 3.42% ซึ่งตอนปลายสัปดาห์เป็นผลกระทบจากการกลัวเรื่องปัญหาการเติบโตของจีน และปัญหาธนาคารกลางสหรัฐฯ ขึ้นดอกเบี้ยมากกว่า จนทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ตกหนักจากประมาณ 17,000 จุด มาต่ำสุดระหว่างวันประมาณ 15,000 จุดด้วยซ้ำ
ถ้าคนไทยหัวใจเข้มแข็ง ไม่ตื่นกลัวไปกับการก่อการร้าย ผู้ก่อการร้ายน่าจะมีแรงจูงใจที่จะทำน้อยลง
และขอปรบมือให้ตำรวจไทย และทหารไทย ที่ร่วมกันจับผู้ก่อการร้ายเป็นอย่างดี รวดเร็ว และชัดเจน ทำให้สถานการณ์ท่องเที่ยวและการจับจ่ายฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
ที่น่าผิดหวังอาจเป็นที่มีทนายความคนไทยไปช่วยศัตรูแผ่นดินชาวต่างชาติทำไมก็ไม่รู้??
ความหวัง 2. ร่วมแรงร่วมใจ ชาวไทยเร่งเพิ่มผลผลิต ซึ่งผมติดตามเรื่องนี้มาตั้งแต่ช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ 1997 จีนมีผลผลิตต่อหัวต่ำกว่าไทยประมาณ 30-40% ของคนไทย แต่ปัจจุบันของจีนสูงกว่าไทยประมาณ 30-40% ทีเดียว
คนมาเลเซียมีผลิตภัณฑ์มวลรวมต่อประชากรสูงเป็นประมาณ 2 เท่าของไทย ญี่ปุ่นประมาณ 7 เท่า สิงคโปร์ประมาณ 10 เท่า
คนอินโดนีเซียมีผลิตภัณฑ์มวลรวมต่อประชากรประมาณ 70% ของไทย ฟิลิปปินส์ประมาณ 1/2 เวียดนาม 1/2.5 ลาว 1/3 ของไทย พม่า 1/4.5 เท่า เขมร 1/5.5 เท่า
ผมเคยตั้งข้อสังเกตว่า คนไทยมีอัตราว่างงานเพียง 1% และหาคนไทยทำงานยากมาก ตามโครงการก่อสร้างก็มองได้เป็น “พม่าสร้างเมืองไทย” และมีชาวพม่าทำงานตามร้านอาหารในไทยมากมาย คนไทยไปไหน?
ไม่น้อยที่ทำงานเกษตร รอนโยบายช่วยราคาสินค้าเกษตรดีๆ แต่ที่สุดต้องเผชิญกับการแข่งกับสินค้าเก่าในคลังมากมาย และฝนฟ้าที่ไม่เป็นใจ น้ำในเขื่อนที่ตกต่ำมาแล้วกว่า 3 ปี ก็จะมีรายได้ที่ตกต่ำ และเมื่ออยากมีงานสุจริตทำ งานเหล่านี้กลับเริ่มถูกชาวต่างชาติยึดไปแล้ว แต่เชื่อว่าคนไทยก็ยังมีความได้เปรียบ ทั้งเรื่องภาษา ความสามารถ และวัฒนธรรมอย่างไทยๆ
ถ้าหัวใจเราเข้มแข็งพอ ร่วมกันตื่นตัว ระวังว่าเรากำลังสูญเสียตำแหน่งงานให้ชาวต่างชาติไป กลับมาเห็นว่า เมืองไทยนี้แสนดี มีงานสุจริตให้ทำมากมาย (แทนที่จะปล่อยให้ชาติอื่นมาแย่งงานเราไปทำ) เราก็จะมีรายได้ที่ดี มีกำลังจับจ่ายดี และ มีเศรษฐกิจที่ดีขึ้นอย่างมั่นคงตลอดไปครับ
ความหวัง 3. การพัฒนาเติบโตไปกับ AEC ประเทศไทยก็จะเป็นประเทศผู้นำในเขตเศรษฐกิจ AEC ในฐานะที่เป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอินโดจีน หรือ CLMV ซึ่งคือ เขมร ลาว พม่า และ เวียดนาม ก็น่าจะทำให้กิจการไทยสามารถต่อยอดกิจการไปในประเทศรอบๆ ได้เป็นอย่างดี
ความหวัง 4. การต่อต้านคอร์รัปชัน ผมผิดหวังกับโพลในอดีตที่เคยถามว่า “การทุจริตยอมรับได้ ถ้าประชาชนได้ประโยชน์” ซึ่งสังคมไทยยุคคุณธรรมตกต่ำ มีความเชื่อตามประโยคเท็จนี้ถึงกว่า 65%! ผมอยากเสนอโพลสัก 5 ข้อ ดังนี้
1. ท่านรับได้หรือไม่ว่า “ถ้ารัฐบาลคอร์รัปชัน แต่ประชาชนได้ประโยชน์”
[ ] รับได้ [ ] รับไม่ได้
2. ท่านรับได้หรือไม่ว่า “ถ้าเด็กวัยรุ่นติดยาเสพติด แต่เด็กเติบโต”
[ ] รับได้ [ ] รับไม่ได้
3.จากข้อ 2 ท่านคิดว่าเด็กเติบโต
[ ] เพราะ ติดยาเสพติด [ ] เพราะ เด็กวัยรุ่นอยู่ในวัยเติบโต
4.จากข้อ 1 ท่านคิดว่าประชาชนได้ประโยชน์จากโครงการของรัฐ มาจากเงินของใคร
[ ] นักการเมืองคอรัปชัน[ ] ภาษีที่ประชาชนช่วยกันจ่าย
5.ท่านยอมรับการทุจริตได้ไหม เพราะความจริงคือ “ถ้ารัฐบาลคอรัปชัน ประชาชนจะได้ประโยชน์น้อยลง”
[ ] รับได้ [ ] รับไม่ได้
ถ้าสังคมไทยพัฒนา สู่ความเป็น คนเก่ง และ คนดี สังคมนี้ ก็จะมีแต่ความเจริญก้าวหน้ายั่งยืนตลอดไปครับ
มนตรี ศรไพศาล (montree4life@yahoo.com; www.oknation.net/blog/richwithlove; @montrees)