PwC ทั่วโลกเผยปี 2558 รายได้ทำสถิติใหม่แตะ 3.54 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ ราว 1.27 ล้านล้านบาท เหตุได้รับอานิสงส์เครือข่ายบริษัทในกลุ่มประเทศตะวันออกกลางและแอฟริกา-ทวีปอเมริกาเหนือและแคริบเบียน-ออสตราเลเซียและหมู่เกาะแปซิฟิกหนุนการเติบโต ชี้เอเชียแหล่งรายได้สำคัญ เผยแผนปี 59 เล็งจ้างบุคลากรระดับหัวกะทิและบัณฑิตใหม่มากความสามารถเข้าร่วมงาน วางแผนหลังปี 58 รับบุคลากรกว่า 53,000 คน ดันยอดพนักงานทั่วโลกแตะ 208,000 คน ด้าน PwC ไทย เชื่อปี 59 ธุรกิจตรวจสอบบัญชี-ภาษี-ที่ปรึกษาโตต่อเนื่อง
นาย เดนนิส แนลลี่ ประธาน บริษัท PricewaterhouseCoopers International Ltd เปิดเผยว่า ผลการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัท PwC ทั่วโลกรอบปีงบประมาณ 2558 (งบการเงินสิ้นสุด ณ 30 มิถุนายน 2558) มีรายได้รวม 35,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากรอบปี 2557 ที่มีรายได้ 34,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ประมาณ 10% ถือเป็นอัตราการเติบโตที่สูงสุดในรอบ 8 ปี โดยรายได้หลักยังมาจากธุรกิจตรวจสอบบัญชี
“ในปี 2558 ทุกสายธุรกิจของ PwC ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แม้ว่าจะเผชิญกับความท้าทายในการดำเนินธุรกิจ ประเด็นปัญหาความไม่สงบในบางประเทศที่สร้างความกังวลให้แก่ภาคธุรกิจท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังคงเปราะบาง อีกทั้งธุรกิจผู้ให้บริการระดับมืออาชีพยังมีการแข่งขันที่รุนแรงอีกด้วย”
“การเติบโตของรายได้ที่ 10% ในปีนี้ถือว่าแข็งแกร่งที่สุดในรอบ 8 ปี เป็นผลพวงมาจากการลงทุนสรรหาบุคลากรที่มีคุณภาพเข้ามาเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กร รวมถึงการเพิ่มคุณภาพบริการและการสร้างสรรค์สินค้าใหม่ๆ เช่น บริการด้านการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง นอกจากนี้ เรายังคงแสวงหาโอกาสในการควบรวมเชิงกลยุทธ์เพื่อส่งเสริมและต่อยอดธุรกิจหลักของเราอย่างต่อเนื่อง” นาย แนลลี่ กล่าว
ธุรกิจตรวจสอบบัญชีเส้นเลือดใหญ่ขององค์กร
สำหรับผลการดำเนินงานแยกตามประเภทธุรกิจของ PwC ในปี 2558 นั้น ธุรกิจตรวจสอบบัญชี (Assurance) ยังเป็นธุรกิจหลักที่สร้างรายได้ให้แก่บริษัท โดยทำรายได้ถึง 15,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเติบโต 6% จากปีที่ผ่านมา ภายใต้ภาวะการแข่งขันที่รุนแรงและการเปลี่ยนแปลงของตลาดอุตสาหกรรมตรวจสอบบัญชีในยุโรปเนื่องจากการบังคับให้มีการหมุนเวียนของการใช้บริการบริษัทผู้สอบบัญชี
นอกจากความผันผวนของตลาดผู้สอบบัญชีทั่วโลกแล้ว ความต้องการของการใช้บริการธุรกิจตรวจสอบบัญชีก็เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริการการตรวจสอบบัญชีที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงทางธุรกิจ ซึ่ง PwC ได้ทำการลงทุนทางเทคโนโลยีใหม่ๆเพื่อขยายตลาดและเพิ่มขีดความสามารถในด้านนี้ อาทิ ไอที การประกันข้อมูล และรักษาความปลอดภัยของข้อมูล ในงวดปี 2558 PwC ใช้เงินกว่า 450 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบเท่าปีก่อนๆ ในการเพิ่มคุณภาพการให้บริการ พัฒนาการใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือทางนวัตกรรม รวมทั้งฝึกฝนอบรมบุคลากรอย่างต่อเนื่อง
ในส่วนรายได้จากธุรกิจที่ปรึกษา (Advisory) ในปีนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 18% แตะที่ระดับ 11,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ รายได้จากธุรกิจดังกล่าว ถือเป็นสัดส่วนกว่า 30% ของรายได้รวมทั่วโลกทั้งหมด และคาดมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในระยะข้างหน้า ทั้งนี้ การซื้อกิจการของ Booz and Company ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น Strategy& ได้ช่วยเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจให้ PwC เป็นผู้นำด้านการให้คำปรึกษาทางธุรกิจครอบคลุมตั้งแต่การวางแผนเชิงกลยุทธ์ไปถึงภาคปฏิบัติอย่างมาก โดยปัจจุบัน มีที่ปรึกษาภายใต้แบรนด์ Strategy& กว่า 3,000 ราย
ขณะที่ธุรกิจด้านภาษี (Tax) สร้างรายได้กว่า 8,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เติบโต 7% จากปีก่อน โดยได้รับประโยชน์จากงานที่เกี่ยวข้องกับการควบรวมกิจการ บวกกับความต้องการงานด้านกำหนดราคาซื้อ-ขาย สินค้าหรือให้บริการที่แตกต่างไปจากราคาตลาด หรือเรียกอีกอย่างว่า การตั้งราคาโอน (Transfer pricing) ของกิจการข้ามชาติที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก
รายได้เอเชียโต 9% ได้ไทยหนุน
ทั้งนี้ หากพิจารณารายได้ตามภูมิภาค จะพบว่าเครือข่าย PwC ในตะวันออกกลางและแอฟริกามีการเติบโตสูงสุดที่ 16% รองลงมาคือ ทวีปอเมริกาเหนือและแคริบเบียนมีรายได้เพิ่มขึ้น 12% โดยเฉพาะอย่างยิ่ง PwC สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นบริษัทเครือข่ายที่ใหญ่ที่สุดมีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 10% ที่ 12,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนรายได้จากทวีปออสตราเลเซียและหมู่เกาะแปซิฟิก ตามมาเป็นอันดับสามเติบโต 11% ขณะที่รายได้จากทวีปยุโรปตะวันตกและทวีปอเมริกากลางและอเมริกาใต้เติบโตเท่ากันที่ 8% และยุโรปกลางและยุโรปตะวันออกโต 6%
นาย ศิระ อินทรกำธรชัย ประธานกรรมการบริหารและหุ้นส่วน บริษัท PwC ประเทศไทย กล่าวว่า สำหรับเครือข่าย PwC ในเอเชีย ในปีที่ผ่านมา ถือว่าเป็นปีที่แข็งแกร่งอีกปีหนึ่ง โดยสร้างรายได้รวมกันกว่า 4,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นการเติบโตที่ 9%
“PwC ประเทศไทยในฐานะบริษัทเครือข่ายสามารถก้าวข้ามความท้าทายต่างๆ แม้จะมีปัจจัยทั้งภายในและภายนอกเข้ามากระทบ และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้รายได้ในภูมิภาคนี้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญในปีนี้ แม้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจโลกและการเติบโตของจีนจะยังมีความไม่แน่นอน ผมก็ยังคงมองภาพระยะยาวในเชิงบวก และเชื่อว่าเราจะสามารถรักษาการทำรายได้ให้เติบยิ่งขึ้นไปอีก สิ่งสำคัญคือเราจะยังแสวงหาโอกาสในการขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแต่ลูกค้าบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ แต่รวมถึงบริษัทเอกชน รัฐวิสาหกิจ ไปจนถึงผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ขณะเดียวกันก็มุ่งมั่นในการยกระดับคุณภาพการให้บริการของธุรกิจทั้งสามเสาหลัก รวมทั้งเป็นผู้นำทางความคิด และแหล่งรวมความรู้ให้แก่สาธารณชน สื่อมวลชน และบุคคลทั่วไป” นาย ศิระ กล่าว
มองเศรษฐกิจโลกปี 59 โต 3.6% เล็งจ้างงานเพิ่ม
นาย แนลลี่ กล่าวว่า แม้ปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจโลกจะยังคงกดดันการทำธุรกิจในระยะต่อไป แต่ประเมินว่า เศรษฐกิจโลก (จีดีพี) ในปี 2559 จะขยายตัวได้ถึง 3.6% ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยขับเคลื่อนให้การดำเนินธุรกิจของเครือข่าย PwC ทั่วโลกเติบโตต่อเนื่องเช่นกัน
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ PwC ให้ความสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด คือ การสรรหาบุคลากรที่มีความสามารถ เพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการ โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทได้จ้างบุคลากรจำนวนทั้งสิ้น 53,049 คนทั่วโลก ในจำนวนนี้เป็นบัณฑิตจบใหม่กว่า 24,600 คนทำให้ปัจจุบันบริษัทมีพนักงานกว่า 208,000 คนทั่วโลก
“ในปีนี้ก็เช่นกัน เรามีแผนจะรับพนักงานเพิ่มขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก และต้องการคนเก่งที่มีทักษะในหลากหลายมิติ เพื่อขยายขีดความสามารถในการให้บริการและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป” นาย แนลลี่ กล่าว
เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงการดำเนินชีวิต วิถีสังคม รวมถึงภาคธุรกิจ ดังนั้น บริษัทจึงได้จับมือเป็นพันธมิตรกับผู้นำธุรกิจไอทีแถวหน้าของตลาด อย่าง กูเกิล และ รายอื่นๆในช่วงที่ผ่านมา เพื่อนำแนวคิดด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมาประยุกต์ใช้เพื่อเป็นประโยชน์และแก้ปัญหาให้กับลูกค้า เขากล่าว
ด้านนายศิระ กล่าวถึง การดำเนินธุรกิจในส่วนของ PwC ประเทศไทยในปี 2559 ว่า บริษัทมีความพร้อมที่จะขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตไปพร้อมกับเครือข่ายทั่วโลกเช่นกัน โดยจะมุ่งเน้นในการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในการให้บริการลูกค้า รวมถึงพัฒนาคุณภาพของบริการเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการและนักธุรกิจในโลกยุคดิจิทัล
ทั้งนี้ แบรนด์ของ PwC ยังได้รับการยกย่องให้เป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งที่สุดแบรนด์หนึ่งของโลก โดยเมื่อเดือนปลายมิถุนายนที่ผ่านมา บริษัทได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งบริษัทที่นักศึกษาสาขาบริหารธุรกิจอยากร่วมงานด้วยมากที่สุดในโลก (World’s Most Attractive Employer) จากการสำรวจของยูนิเวอร์ซัม โดย PwC อยู่อันดับที่ 2 รองจากกูเกิล
นอกจากนี้ PwC ยังมุ่งดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม โดยในปีที่ผ่านมา เครือข่าย PwC ทั่วโลกร่วมกันบริจาคเงินเกือบ 58 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้แก่กิจกรรมเพื่อสังคม รวมทั้งมีพนักงาน PwC กว่า 58,000 คนที่อุทิศเวลากว่า 537,000 ชั่วโมง เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมจิตอาสาและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับบริการที่ตนมีความชำนาญเพื่อเป็นการกุศลแก่องค์กรต่างๆ