บลจ.วรรณออก วรรณ ไชน่า แวลู 10 ฟันด์ (ONE-CHINA10) เป้าผลตอบแทน 10% ภายใน 10 เดือน รับจังหวะหุ้นจีนปรับตัวลง เลือกลงทุนในหุ้นของธนาคารรัฐขนาดใหญ่ที่มีปัจจัยพื้นฐานโดดเด่น และมีมูลค่าต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน เปิดขาย 31 กรกฎาคม-10 สิงหาคม 2558
นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาตลาดหุ้นจีนมีการปรับตัวลงและมีความผันผวนมาก จากแรงขายทำกำไรของนักลงทุนรายย่อย ซึ่งสะท้อนได้จากการปรับลดลงของมูลค่า Free-Floated ที่ปรับลดลงกว่า -1.5 พันล้านดอลลาร์จากระดับสูงสุด อย่างไรก็ดี ทางการจีนได้ออกมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมเพื่อช่วยดูแลเสถียรภาพของตลาดหุ้นของรัฐบาลจีน และช่วยเรียกความเชื่อมั่นและคลายความกังวลได้ระดับหนึ่ง สะท้อนได้จากที่มีการชะลอการลดลงของตลาดหุ้น
“โดยตั้งแต่ต้นปีดัชนีตลาดหุ้นจีนมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 50% ซึ่งการปรับตัวลดลงในรอบนี้ผมมองว่าเป็นระดับที่มีการขายทำกำไรออกไปบ้าง ประกอบกับทางการจีนได้ใช้มาตรการฉับพลันควบคุมการซื้อหุ้นด้วยการกู้ยืมนอกตลาด พร้อมกับอนุญาตให้นักลงทุนสามารถยืมหุ้นเพื่อนำไปขายช็อตได้ ดังนั้น นักลงทุนจึงเกิดความกังวลกับสถานการณ์ตลาดและมีแรงเทขายออกมาก”
อย่างไรก็ตาม บริษัทประเมินว่านโยบายการเงินและนโยบายการคลังที่รัฐบาลดำเนินการอยู่จะยังเป็นปัจจัยสำคัญในการสนับสนุนเศรษฐกิจจีนอย่างต่อเนื่อง อาทิ การเร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานในช่วงครึ่งปีแรก รวมถึงงบประมาณการใช้จ่ายภาครัฐเพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณ 17 ล้านล้านหยวนจากปีก่อน ในขณะที่นโยบายด้านอัตราดอกเบี้ย มีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางของจีนมีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% จากปัจจุบันที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ประมาณ 4.8% ซึ่งถือว่ายังเป็นอัตราดอกเบี้ยในระดับที่ค่อนข้างสูงหากเทียบกับสหรัฐฯ ซึ่งอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ประมาณ 0.12% ยุโรปและญี่ปุ่นอยู่ที่ 0% ทำให้มีช่องว่างในการใช้นโยบายทางการเงินกระตุ้นเศรษฐกิจในอนาคต รวมถึงการเชื่อมโยงตลาดหุ้นจีน ฮ่องกง และผ่อนคลายเกณฑ์ลงทุน ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการลงทุนในตลาดหุ้นได้ต่อไป
ทั้งนี้ การปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นจีนทำให้มูลค่าหุ้นของบริษัทจดทะเบียนของประเทศจีนอยู่ในระดับราคาที่น่าสนใจ ขณะที่รายได้ของบริษัทจดทะเบียนยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยคาดว่าในปี 2014-2016 อัตราการเติบโตของรายได้บริษัทจดทะเบียนอยู่ที่ประมาณ 7% 9% และ 11% ตามลำดับ โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ซึ่งหุ้นในกลุ่มการเงินของจีนมีขนาดตลาดที่ใหญ่คิดเป็นสัดส่วน 68% ของดัชนี HSCEI ในขณะที่ธนาคารรัฐวิสาหกิจของจีนขนาดใหญ่ 4 แห่ง ได้แก่ Industrial and Commercial Bank of China (ICBC), China Construction Bank (CCB), Agricultural Bank of China (ABC), Bank of China (BOC) รวมกันมีขนาด 33.5%ของตลาดหุ้น
“หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ของจีนมีความน่าสนใจจากขนาดตลาดที่ค่อนข้างใหญ่ ในขณะที่มูลค่าหุ้นอยู่ในระดับต่ำ โดยพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐาน และอัตราการปล่อยสินเชื่อขยายตัวอย่างแข็งแกร่งหลังการผ่อนคลายนโยบายทางการเงิน ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบสินทรัพย์ต่อทุนของธนาคารพาณิชย์ทั้งตลาด A-Share และ H-Share อยู่ที่ประมาณ 15-16 เท่า ซึ่งถือว่ายังมีทุนค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ที่ครอบครอง”
ด้านมุมมองการลงทุน บลจ.วรรณเชื่อว่าในช่วงที่ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลงเป็นโอกาสการลงทุนในหุ้นปัจจัยพื้นฐานดีบางตัว บริษัทจึงเปิดเสนอขายกองทุนเปิด วรรณ ไชน่า แวลู 10 ฟันด์ (ONE-CHINA10) ระหว่างวันที่ 31 กรกฎาคม-10 สิงหาคม 2558 โดยกองทุนสร้างเป้าหมายเลิกโครงการที่ 10% ภายใน 10 เดือน เน้นลงทุนโดยให้น้ำหนักการลงทุนที่เท่ากันในหุ้นกลุ่มธนาคารรัฐจีน เช่น Industrial and Commercial Bank of China, China Construction Bank, Agricultural Bank of China, Bank of China, China CITIC Bank ซึ่งมีปัจจัยพื้นฐานโดดเด่น ด้านราคาหุ้นที่มีมูลค่าต่ำ อัตราหนี้สิ้นต่อทุน (P/E) ต่ำกว่า 6 เท่า ราคาหุ้นต่อบัญชี (P/B) ต่ำกว่า 1 เท่า มีโอกาสการจ่ายปันผล (Dividend Yield) มากกว่า 5% และมีกำไรในส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) สูงกว่า 12% และมีโครงสร้างงบดุลที่แข็งแกร่ง โดยมีสัดส่วนการกั้นสำรองหนี้เสีย (Loan loss Reserve Ratio) มากกว่า 160% โดยกองทุน ONE-CHINA10 มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน (Fully Hedging)
“ที่ผ่านมาหุ้นธนาคารจีนให้ผลตอบแทนดีกว่าดัชนี ในขณะที่ระยะสั้นราคาหุ้นมีการปรับตัวลงมา ผมมองว่าเป็นโอกาสที่ดีเพื่อคัดเลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี ซึ่งวิเคราะห์จากมูลค่าหุ้นที่ราคาถูก มีแนวโน้มผลการดำเนินงานที่ดี โครงสร้างของงบดุลที่ดี และมีอัตราการจ่ายปันผลที่สูง โดยกลยุทธ์การลงทุนในกองทุน ONE-CHINA10 คือ การหาจังหวะเข้าลงทุนแล้วถือในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี ดังนั้น กองทุนนี้จึงเหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ชอบลงทุนในหุ้นช่วงที่ราคาหุ้นปรับตัวลง”