บลจ.กรุงไทยหั่นจีดีพีไทยปีนี้ลงเหลือ 3.5% เหตุงบภาครัฐออกมาไม่มาก คาดหุ้นไทยสิ้นปีอยู่ที่ 1,580 จุด แนะปรับพอร์ตผสมการลงทุนหุ้นปันผลและหุ้นโกรท
นายวีระ วุฒิคงศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารสายงานจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลังนี้การลงทุนค่อนข้างจะมีความผันผวนจากปัจจัยในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งดัชนีตลาดหุ้นไทยปีนี้ไม่เติบโตมากจากความไม่มั่นใจในเรื่องการลงทุนของภาครัฐ ดังนั้นพอร์ตการลงทุนในหุ้นไทยของ บลจ.กรุงไทยจึงมีการปรับพอร์ตการลงทุน โดยเลือกประเภทหุ้นที่มีการเติบโตเข้ามาผสมกับหุ้นประเภทที่มีการจ่ายปันผล เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีและลดความผันผวน
ขณะเดียวกันก็มองหาการลงทุนทางเลือกใหม่ อย่างกลุ่มที่เป็นพลังงานทดแทน นอกเหนือจากการลงทุนน้ำมัน ซึ่งแม้ว่าขณะนี้ราคาน้ำมันจะลดลง แต่ก็เริ่มมีดีมานด์เพิ่มขึ้นจากเศรษฐกิจโลกที่มีการเติบโต
“การลงทุนในหุ้นไทยในระยะยาวแล้ว หุ้นในกลุ่มประเภทโครงสร้างพื้นฐานยังน่าสนใจ เช่น กลุ่มก่อสร้าง กลุ่มสุขภาพ”
สำหรับการลงทุนในต่างประเทศยังคงให้น้ำหนักการลงทุนในภูมิภาคยุโรป เนื่องจากเศรษฐกิจได้รับปัจจัยบวกจากการใช้ QE ที่ทำให้เงินยุโรปอ่อนค่าลงและเป็นผลดีต่อการส่งออก ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่กำลังจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงไตรมาสที่ 3 อาจทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่าและกระทบการส่งออกได้ ส่วนประเทศจีนที่ตลาดหุ้นปรับขึ้นมามาก อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจจีนในระยะยาวยังน่าสนใจเพราะมีอัตราการเติบโตที่สูงต่อเนื่อง
“ตลาดหุ้นทั่วโลกตอนนี้ถือว่าแพง ซึ่งต้องดูว่าภูมิภาคไหนจะมีการเติบโตที่มีเสถียรภาพมากกว่ากัน ซึ่งมองว่ายุโรปตอนนี้น่าสนใจ ปัญหาเรื่องกรีซนั้นไม่น่าจะมีผลกระทบอะไรในที่สุดจะหาทางออกได้”
นายสมชัย อมรธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิจัย บลจ.กรุงไทย จำกัด กล่าวว่า การลงทุนจากภาครัฐในช่วงครึ่งปีหลังนี้ยังออกมาไม่มากทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจจึงไม่สูงขึ้น ทาง บลจ.กรุงไทยจึงปรับลดการคาดการณ์จีดีพีในปีนี้ลงเหลือ 3.5% จากเดิมที่คาดว่าอยู่ที่ 5% และมองว่าอัตราดอกเบี้ยน่าจะคงที่อยู่ที่ 1.5% โดยปัจจับที่อาจส่งผลต่อเศรษฐกิจคือเรื่องการะบาดของไข้หวัดเมอร์สที่จะกระทบต่อการท่องเที่ยวได้ รวมถึงเรื่องภัยแล้งที่กระทบต่อเศรษฐกิจ เช่น ส่วนดัชนีหุ้นปีนี้มองอยู่ที่ 1,580 จุด ปรับลดจากเดิมที่คาดว่าจะอยู่ที่ 1,680 จุด
นอกจากนี้ บลจ.กรุงไทยได้กำหนดจ่ายเงินปันผลกองทุน KTAM SET50 ETF Tracker (ESET50) สำหรับรอบระยะเวลาบัญชี วันที่ 1 มีนาคม 2558-29 กุมภาพันธ์ 2559 ในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย และจ่ายปันผลกองทุนเปิดดับเบิลยูไอเอสอี เคแทม ซีเอสไอ 300 ไชน่า แทร็กเกอร์ (CHINA) สำหรับรอบบัญชีวันที่ 1 ธันวาคม 2557-30 พฤศจิกายน 2558 1.50 บาทต่อหน่วย โดยจะจ่ายเงินปันผลทั้ง 2 กองทุนให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 14 กรกฎาคม 2558