กฟผ.จับมือ บลจ.กรุงไทย เปิดตัวกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน EGATIF ลงทุนโรงไฟฟ้าขนาด 670 เมกะวัตต์ ระยะเวลา 20 ปี ชูผลตอบแทนสูง เตรียมเปิดจองให้นักลงทุนทั่วไปปลาย มิ.ย.นี้
นายสุนชัย คำนูณเศรษฐ์ ผู้ว่าการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า จากนโยบายของภาครัฐที่ต้องการผลักดันให้รัฐวิสาหกิจของไทยที่มีความพร้อมให้จัดหาแหล่งเงินทุนทางเลือกใหม่ เพื่อให้สามารถจัดหาเงินทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ทั้งนี้ กฟผ.ในฐานะผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ของประเทศ จึงระดมทุนผ่านกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน EGATIF ซึ่งเป็นกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานกองแรกในประเทศไทยที่เข้าลงทุนในสิทธิรายได้ค่าความพร้อมจ่ายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าที่รัฐวิสาหกิจเป็นเจ้าของและเป็นผู้บริหารจัดการโรงไฟฟ้า ทั้งนี้ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน EGATIF เปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะนักลงทุนรายย่อยได้เข้ามามีส่วนร่วมลงทุนพัฒนาระบบไฟฟ้าและสร้างความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้า
ทั้งนี้ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน EGATIF จะลงทุนในสิทธิรายได้ค่าความพร้อมจ่ายของโรงไฟฟ้าพระนครเหนือ ชุดที่ 1 เป็นระยะเวลา 20 ปี ขนาดกองทุนประมาณ 20,000 ล้านบาท โดยมีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญาอยู่ที่ 670 เมกะวัตต์ ซึ่งใช้ระบบการผลิตไฟฟ้าแบบพลังงานความร้อนร่วมโดยใช้ก๊าซธรรมชาติและไอน้ำมาเป็นตัวผลิตกระแสไฟฟ้า โดยการระดมทุนผ่านกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน EGATIF กฟผ.ได้มอบหมายให้ธนาคารไทยพาณิชย์ (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย และมี บลจ.กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการกองทุน
ทางด้านนางสาวชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด เปิดเผยว่า กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน EGATIF เป็นกองทุนที่มีโครงสร้างรายได้ที่ชัดเจนและมีรายได้สม่ำเสมอ ซึ่งสิทธิรายได้ค่าความพร้อมจ่าย EGATIF ที่จะได้รับขึ้นอยู่กับความพร้อมในการจ่ายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าพระนครเหนือชุดที่ 1 เท่านั้น ซึ่งไม่ได้ขึ้นอยู่กับปริมาณการใช้ไฟฟ้าจริงและความต้องการใข้ไฟฟ้าและไม่ขึ้นกับอัตราค่าไฟฟ้าแต่อย่างใด ทั้งนี้ กองทุนจะมีรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อปีประมาณ 1,745 ล้านบาทตลอด 20 ปี และจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหน่วยปีละ 2 ครั้ง ไม่ต่ำกว่า 90% แต่คาดว่าจะจ่ายได้มากกว่า 90%
“กองทุนนี้มีความน่าสนใจเพราะเป็นกองทุนที่ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้าที่ลงทุนระยะยาว มีความมั่นคงและให้ผลตอนแทนที่สูงกว่าการลงทุนในตราสารหนี้ นอกจากนี้ กองทุนยังได้รับความคุ้มครองจากกรมธรรม์ประกันภัยที่ครอบคลุมทั้งหมด 4 ประเภทเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับโรงไฟฟ้าในกรณีที่โรงไฟฟ้าได้รับความเสียหายและมีผลกระทบต่อรายได้ความพร้อมจ่าย”
นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ธนาคาร ไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย กล่าวว่า กองทุนจะสามารถเสนอขายหน่วยลงทุนได้ประมาณปลายเดือนมิถุนายนนี้ โดยการจัดสรรหน่วยลงทุนจะจัดสรรให้แก่ผู้จองซื้อทั่วไปในแบบ Small Lot First เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้จองซื้อทั่วไปทุกรายที่สนใจได้มีส่วนร่วมในการลงทุนเพื่อพัฒนาและสร้างความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้าของประเทศ