บลจ.กรุงไทยประเมินหุ้นกลุ่มอสังหาฯ และค้าปลีกน่าสนใจจากแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ล่าสุดยังคงเป้าดัชนีหุ้นไทยไว้ที่ 1,680 จุดตามเดิม พร้อมให้น้ำหนักการลงทุนในสหรัฐฯ ยุโรป และเอเชียเหนือ
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แผนการออกกองทุนหุ้นในช่วงที่เหลือของปี 2558 คาดว่าน่าจะมีออกมาเพิ่มอีกอย่างน้อย 3-4 กองทุน ไม่ว่าจะเป็นกองทุนที่เน้นลงทุนหุ้นเอเชียในภาพกว้าง และกองทุนที่ลงทุนในเอเชียโดยมีนโยบายการลงทุนและกลยุทธ์เฉพาะเจาะจง รวมถึงกองทุนหุ้นที่ลงทุนในประเทศภูมิภาคเอเชียเหนือโดยจะเป็นลักษณะของกองทุนเปิด นอกจากนี้คาดว่าจะมีการออกกองทุนหุ้นจีนเพิ่มอีก 1 กองทุน
ด้านกองทุนรีทส์ขณะนี้อยู่ในระหว่างการเจรจา ซึ่งทรัพย์สินมีทั้งอาคารสำนักงานหรือออฟฟิศ ศูนย์การค้า และโรงแรม ซึ่งหากเป็นไปตามแผนมูลค่าทรัพย์สินโดยรวมของทั้ง 3 กองทุนจะอยู่ที่ประมาณ 7,000 ล้านบาท โดยคาดว่าภายในปีนี้น่าจะเกิดขึ้นได้อย่างน้อย 1-2 กองทุน
“สำหรับมูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2558 อยู่ที่ประมาณ 613,000 ล้านบาท ถือว่ามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และในปี 2558 บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของ AUM ไว้ที่ 687,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาประมาณ 15%”
นายวีระ วุฒิคงศิริกูล รองกรรมการผู้จัดการผู้บริหารสายจัดการลงทุน บลจ. กรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทิศทางการลงทุนของหุ้นไทยช่วงเดือนที่เหลือของปีนี้ หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และหุ้นกลุ่มค้าปลีกจะกลับมามีบทบาทมากขึ้น เนื่องจากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐผ่านโครงการต่างๆ คาดว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้น ส่งผลให้หุ้นกลุ่มดังกล่าวได้รับอานิสงส์พอสมควร ประกอบกับภาวะอัตราดอกเบี้ยขาลงถือเป็นอานิสงส์ที่ดีต่อหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์
“พื้นฐานตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันยังคงถูกกดดันจากแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศที่ฟื้นตัวไม่ชัดเจน ประกอบกับนักลงทุนบางส่วน โดยเฉพาะต่างชาติ ยังคงรอดูความคืบหน้าของการจัดทำรัฐธรรมนูญ และแผนพัฒนาประเทศอย่างการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ว่าจะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ภายหลังปัจจัยทางด้านการเมืองเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้นแล้ว” นายวีระกล่าว
นายวีระ กล่าวว่า บริษัทยังคงมีมุมมองในเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทย มองว่าภาพของเศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัวได้ดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง เช่นเดียวกับความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยยังคงเป้าหมายดัชนีสิ้นปีไว้ที่ 1,680 จุด ส่วนการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ล่าสุดผลงานของหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์จะออกมาไม่ค่อยดีนัก แต่ก็เชื่อว่าจะมีโอกาสปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ดังนั้น การซื้อสะสมในช่วงที่ราคาหุ้นปรับตัวลงสะท้อนผลประกอบการ น่าจะเป็นโอกาสที่น่าสนใจเพื่อรับการฟื้นตัวในระยะยาว
ทางด้านนายสมชัย อมรธรรม ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิจัย บลจ.กรุงไทย กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เราให้น้ำหนักการลงทุนในสหรัฐฯ เป็นหลักเนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มการฟื้นตัวอย่างชัดเจน ขณะเดียวกันเราก็ยังมีการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในยุโรปด้วยเช่นกันจากมาตรการผ่อนคลายทางการเงินด้วยการฟื้นตัวของทั้งสองกลุ่มทั้งสหรัฐฯ และยุโรป ส่งผลให้ประเทศในแทบจีน ฮ่องกง ไต้หวัน เกาหลีใต้ หรือเอเชียเหนือ ปรับตัวดีขึ้นจากการส่งออกในฐานะเป็นผู้ผลิตใหญ่ รวมถึงการบริโภคภายในประเทศที่ฟื้นตัวดีขึ้น
