บลจ.กรุงไทยเปิดเตรียม IPO กองรีท EGATIF วันที่ 22-26 มิ.ย.นี้ และเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาด 13 ก.ค. 2558 มั่นใจศักยภาพกองทุนชูผลตอบแทนสูง เผยเตรียมออกองรีทออฟฟิศในปีนี้อีก
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้าพระนครเหนือชุดที่ 1 หรือ EGATIF พร้อมเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 22-26 มิ.ย.นี้ ในราคาหน่วยละ 10.00 บาท กำหนดจองซื้อขั้นต่ำ 5,000 หน่วย หรือจำนวน 50,000 บาท และเพิ่มเป็นทวีคูณของ 1,000 หน่วย หรือ 10,000 บาท ซึ่งได้มีการลงนามในสัญญาแต่งตั้งให้ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย (Lead Underwriter) หน่วยลงทุนกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน EGATIF
โดยมีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการกองทุน และ กฟผ.เป็นผู้บริหารทรัพย์สินและเจ้าของทรัพย์สิน โดยกองทุนรวมมีขนาดประมาณ 20,025-20,855 ล้านบาท เข้าลงทุนในสิทธิในรายได้ค่าความพร้อมจ่ายของโรงไฟฟ้าพระนครเหนือ ชุดที่ 1 ซึ่งมีกำลังการผลิตตามสัญญา 670 เมกะวัตต์ เป็นระยะเวลา 20 ปี และหลังเปิดขายให้แก่นักลงทุนแล้วกองทุนจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์วันที่ 13 ก.ค. 2558
ทั้งนี้ สัดส่วนการขายนั้นทาง กฟผ.และเจ้าของสินทรัพย์จะถือสัดส่วนอยู่ 25% ที่เหลือก็จะขายให้แก่นักลงทุนสถาบันและรายย่อยในสัดส่วนที่เท่ากัน มีวิธีการจัดสรรให้แก่ผู้จองซื้อทั่วไปแบบ Small Lot First ขณะที่กองทุน EGATIF ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 5.5% โดยจะจ่ายเป็นเงินปันผลในจำนวนดังกล่าวในทุกๆ ไตรมาส และบวกกับเงินต้นที่จะจ่ายคืนให้อีกประมาณ 3% รวมเป็น 8.5% จึงมองว่าเป็นกองทุนที่ให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ซึ่งจากที่ผ่านมาจากการที่ได้ให้ข้อมูลโรดโชว์นักลงทุนต่างก็ได้รับการตอบรับอย่างดีมาก คนให้ความสนใจมากเพราะผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ
“ภาพรวมของกองทุนโครงสร้างพื้นฐานนั้นจะเห็นว่านักลงทุนให้ความสนใจมากขึ้น มองเป็นการลงทุนทางเลือก ซึ่งสินทรัพย์หลายตัวในตลาดรองมีการซื้อขายกันมากเพราะมีการจ่ายเงินปันผลที่สม่ำเสมอ ดังนั้นในส่วนของกองทุน EGATIF ก็ยังเป็นที่สนใจมากเช่นกัน”
นอกจากนี้ ในปีนี้ บลจ.กรุงไทยเตรียมที่จะออกกองรีทที่ลงทุนในออฟฟิศขนาด 20,000 ตารางเมตรในกรุงเทพฯ ขนาดกองทุนประมาณ 2 พันล้านบาท เป็นประเภทฟรีโฮลด์ ให้ผลตอบแทนที่สูง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดตั้งกองทุนกับทาง ก.ล.ต. คาดว่าน่าจะออกได้ในปีนี้
นายอรรถพงศ์ พรธิติ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายวาณิชธนกิจ 2 ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังพยายามผลักดันให้รัฐวิสาหกิจที่มีความพร้อม อย่างเช่น การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) หันมาระดมทุนแบบกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund หรือ IFF) เพื่อลดระดับหนี้สาธารณะของประเทศจะช่วยให้เครดิตเรตติ้งของประเทศดีขึ้นด้วย และสอดรับวิธีการระดมทุนภาคเอกชนที่ยังมีความต้องการลงทุนใหม่ๆ ในระยะยาว
“กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานจะไปตอบโจทย์การระดมทุนระยะยาว เพราะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเป็นการลงทุนระยะยาวที่ต้องมีการบริหารจัดการวางแผนและรองรับเศรษฐกิจขยายตัวขึ้น ทั้งภาครัฐและเอกชนต้องหาวิธีการระดมเงินมาด้วยต้นทุนที่ถูกที่สุด แม้ กฟผ.ต้นทุนอาจจะแพงกว่าพันธบัตรที่ออก แต่สุดท้ายแล้วช่วยลดภาระหนี้สินของประเทศ ถ้ายังกู้แบบเดิมๆ ไม่มีวิธีอื่นๆ ประเทศไทยก็จะมีหนี้สาธารณะสูงขึ้น และในที่สุดทั้งภาครัฐและเอกชนจะเสียเปรียบ”
