บลจ.วรรณมั่นใจศักยภาพเศรษฐกิจในตลาดอาเซียนจะสนับสนุนอัตราการเติบโตของบริษัทจดทะเบียนให้แข็งแกร่งและมีแนวโน้มจ่ายปันผลสูง เตรียมเสนอขายกองทุนเปิดวรรณ STOXX อาเซียน ซีเล็ค ดิวิเดนด์ อินเด็กซ์ ฟันด์ (ONE-STOXXASEAN) เน้นลงทุนในหุ้นสามัญจำนวน 30 บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี STOXX ASEAN SELECT DIVIDEND 30 INDEX พร้อมเปิดเสนอขายครั้งแรก 22-26 มิ.ย. 58 นี้
นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า ความร่วมมือกันของประชาคมในเศรษฐกิจอาเซียนคงเป็นจุดแข็งที่สำคัญเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอาเซียน โดยในปัจจุบันกลุ่มอาเซียนมีประชากรรวม 583 ล้านคน คิดเป็น 9% ของประชากรโลกหรือใหญ่เป็นอันดับ 3 โดยคาดการณ์ว่าใน 1-2 ปีข้างหน้าเศรษฐกิจอาเซียนจะเติบโตระดับสูงประมาณ 5.0-5.5% โดยคาดว่าประเทศฟิลิปปินส์ เวียดนาม และอินโดนีเซียจะเป็นกลุ่มประเทศหลักที่มีการเติบโตสูงในระดับ 6.3%, 6.0% และ 5.5% ตามลำดับ
อย่างไรก็ดี โดยภาพหากพิจารณาในมุมความสามารถในการจ่ายปันผลเฉลี่ยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (2004-2014) พบว่า อัตราเฉลี่ยจ่ายปันผลของกลุ่มประเทศอาเซียนหลักอยู่ในระดับ 3.85% ซึ่งเป็นอัตราการจ่ายปันผลที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับอัตราการจ่ายปันผลในประเทศเอเชียตะวันออกที่มีอัตราการจ่ายปันผลเฉลี่ยอยู่ที่ 2.1% และในประเทศแถบอเมริกาเหนือมีอัตราจ่ายปันผลเฉลี่ยอยู่เพียง 1.8% หรือยุโรปที่ระดับ 3.6% ทำให้ตลาดหุ้นอาเซียนมีความน่าสนใจเพื่อเข้าลงทุนจากเม็ดเงินของนักลงทุนต่างชาติ
ทั้งนี้ การเติบโตของกลุ่มประเทศอาเซียนที่ผ่านมา ทำให้ทาง บลจ.วรรณมีมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในประเทศของกลุ่มอาเซียน โดยมองว่าในแง่ของค่า P/E ในอาเซียนเมื่อเทียบกับตลาดโลกยังถือว่าอยู่ในระดับไม่สูงมากและมีการปรับตัวเพิ่มช้าเมื่อเทียบกับตลาดโลก ในขณะที่ปัจจัยพื้นฐานให้บริษัทจดทะเบียนยังสามารถสร้างกำไรระดับสูงในระยะยาว และจ่ายเงินปันผลในระดับสูงได้ดีสม่ำเสมอ กอปรกับที่ผ่านมานักลงทุนต่างประเทศถือลงทุนในอาเซียนในระดับ ดังนั้นจึงมองเห็นโอกาสการเข้าลงทุนเพิ่มได้อีกในระยะยาว
สำหรับอุตสาหกรรมที่น่าสนใจของประเทศในกลุ่มอาเซียน ยกตัวอย่าง ประเทศสิงคโปร์ บริษัทฯ มองว่าธุรกิจในกลุ่มสื่อสารโทรคมนาคมมีความโดดเด่น รวมถึงธุรกิจการขนส่งทางเรือ อาทิ บริษัท Singapore Telecommunication Limited (Singtel) ซึ่งบริษัทกลุ่มสื่อสารรายใหญ่หลายแห่งในโลกรวมถึงเครือข่าย AIS ในประเทศไทยด้วย ทางด้านธุรกิจด้านเดินเรือสิงคโปร์มีบริษัทเดินเรือรายใหญ่ ได้แก่ บริษัท Yangzigiang Shipbuilding Holdings Limited ซึ่งมีรายได้หลักมาจากการรับประกอบเรือขนส่งสินค้าต่างๆ อีกทั้งยังเป็นบริษัทต่อเรืออันดับ 5 ของประเทศจีน
ส่วนบริษัทจดทะเบียน ประเทศมาเลเซีย อาทิ บริษัท Sime Darby Berhad ซึ่งเป็นบริษัท Holding Company ที่ประกอบธุรกิจหลากหลาย ได้แก่ ผู้ผลิตน้ำมันปาล์มของโลก รวมทั้งเป็นผู้จำหน่ายชิ้นส่วนรถยนต์รายใหญ่ และจัดจำหน่ายรถยนตร์ในเอเชีย ที่รู้จักกันดีในนาม Mazda นอกจากนี้ยังประกอบธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุด รวมทั้งธุรกิจพลังงาน และสาธารณูปโภคทั่วโลก รวมถึงบริษัท UMW Holding Berhad ซึ่งเป็นบริษัท Holding Company ซึ่งมีธุรกิจในกลุ่มยานยนต์ พลังงาน การผลิต วิศวกรรม โดยมีรายได้หลักมาจากการจัดจำหน่ายรถยนต์ยี่หุ้น Toyota, Lexus และ Perodua ในส่วนของประเทศไทย บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด(มหาชน) บริษัทประเมินว่ามีความแข็งแกร่งด้วยความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีทั้งสายโอเลฟินส์และอะโรเมติกส์ ซึ่งจะสามารถสร้างประโยชน์ให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว จากมูลค่าเพิ่มที่ได้รับจากการสร้าง Chemical Flagship ของกลุ่มบริษัทปตท.
นายวินกล่าวว่า จากความหลากหลายในหลายๆ อุตสาหกรรมของกลุ่มประเทศอาเซียน ส่งผลให้บริษัทประเมินโอกาสในการสร้างผลตอบแทนในการกระจายการลงทุนไปยังประเทศในกลุ่มอาเซียน โดยระหว่างวันที่ 22-26 มิถุนายน 2558 บลจ.วรรณจึงเปิดเสนอขายกองทุนเปิดวรรณ STOXX อาเซียน ซีเล็ค ดิวิเดนด์ อินเด็กซ์ ฟันด์ (ONE-STOXXASEAN) ซึ่งจะเป็นกองทุนลักษณะ Index Fund คือ การสร้างผลตอบแทนของกองทุนให้ใกล้เคียงกับการปรับตัวของดัชนี STOXX ASEAN SELECT DIVIDEND 30 INDEX โดยจะเน้นลงทุนในหุ้นสามัญจำนวน 30 บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี STOXX ASEAN SELECT DIVIDEND 30 INDEX ในสัดส่วนหรือน้ำหนักที่ใกล้เคียงกับดัชนี (Fully Replication)
โดยดัชนีฯ จะคัดเลือกหลักทรัพย์ที่มีผลตอบแทนอัตราการจ่ายปันผลย้อนหลัง 12 เดือนสูงสุด 30 บริษัทแรก โดยจำกัดประเทศละไม่เกิน 7 หลักทรัพย์ ขณะที่ไทยไม่เกิน 5 หลักทรัพย์ และจะมีการประเมินและปรับเปลี่ยนน้ำหนักตราสารทุก 3 เดือน รวมทั้งจะกระจายการลงทุนในหลักทรัพย์แต่ละตัวในสัดส่วนที่เท่ากัน ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาหุ้นในกลุ่มอาเซียนสามารถมีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลประมาณ 4% ซึ่งสูงสุดในโลก รวมทั้งให้ผลตอบแทนที่ปรับค่าความเสี่ยงแล้วอยู่ที่ 18.93% ซึ่งสูงกว่าหลายๆ ดัชนี ASEAN อื่นๆ ทำให้มองว่าการลงทุนในกองทุนฯ นี้มีความน่าสนใจและน่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนให้แก่นักลงทุนได้ในอนาคต
“สำหรับกองทุน ONE-STOXXASEAN เป็นกองทุนแรกประเภท ASEAN CIS กองทุนแรกในประเทศไทยที่ได้รับอนุมัติการจัดตั้งจาก ก.ล.ต. และสามารถนำหน่วยลงทุนดังกล่าวไปเสนอขายแก่ผู้ลงทุนทั่วไปในประเทศกลุ่มสมาชิกอาเซียน และภายหลังจากเสนอขายครั้งแรกในประเทศแล้ว ทาง บลจ.วรรณจะนำกองทุน ONE-STOXXASEAN ดังกล่าวไปเสนอขายภายในประเทศสิงคโปร์และมาเลเซียต่อไป”นายวินกล่าว