บลจ.วรรณ มอง “หุ้นอาเซียน” มาแรงรับ AEC พร้อมการขยายตัวในด้านการผลิตและการบริโภค เตรียมส่งกองทุนเปิด “วรรณ STOXX อาเซียน ซีเล็ค ดิวิเดนด์ อินเด็กซ์ ฟันด์” (ONE-STOXXASEAN) รับการเติบโตในอนาคต
นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด กล่าวว่า ช่วงสิ้นปี 2558 ประเทศในกลุ่มภูมิภาคอาเซียนจะมีการรวมกลุ่มเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ซึ่งทำให้ประเทศในกลุ่มอาเซียนได้รับประโยชน์จากการเปิดเสรีด้านการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ โดยเฉพาะ 4 เสาหลัก (4 Pillars) ได้แก่ 1) การรวมเป็นฐานการผลิตและตลาดเดียวกันในการเคลื่อนย้ายสินค้าบริการ การลงทุน เงินทุน แรงงานที่มีทักษะอย่างเสรี 2) การส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันของเศรษฐกิจในภูมิภาคผ่านการออกนโยบายการแข่งขัน การปกป้องผู้บริโภค การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การปฏิรูปด้านภาษี
ประเด็นถัดไปคือ ความเท่าเทียมในการพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาค เช่น การพัฒนาธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (SME) และการริเริ่มรวมตัวของกลุ่มอาเซียน (IAI) เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการพัฒนาและดำรงเศรษฐกิจ และ 4) การผนวก AEC ให้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจโลก โดยการมีปฏิสัมพันธ์และจุดยืนในเวทีเศรษฐกิจโลกและมีส่วนร่วมในการปรับปรุงเครือข่ายอุปทานทั่วโลก รวมทั้งการบริโภคที่เพิ่มขึ้นจากจำนวนประชากรที่ใหญ่ขึ้นเป็นอันดับ 3 ของโลก ทำให้อำนาจการต่อรองของประเทศในกลุ่มอาเซียนปรับเพิ่มขึ้นตาม และส่งผลให้บทบาทการต่อรองของบริษัทจดทะเบียนดีขึ้นตามลำดับ
สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจในกลุ่มอาเซียนหากแยกเป็นรายประเทศจะเห็นได้ว่า แม้ว่าแต่ละประเทศมีอัตราการเติบโตที่แตกต่างกันไป แต่ในภาพรวมเศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียนยังอยู่ในช่วงที่เติบโตและเป็นการเติบโตที่มีเสถียรภาพ โดยมองว่าการเติบโตของเศรษฐกิจในกลุ่มอาเซียนจะมีการเติบโตเฉลี่ยประมาณ 5-6% ต่อปีในช่วงอีก 5 ปีถัดจากนี้ ซึ่งจะทำให้อาเซียนเริ่มเป็นภูมิภาคที่ได้รับความสนใจและความเชื่อมั่นจากนักลงทุน
ขณะที่กลุ่มประเทศที่เหลืออื่นๆ ในอาเซียนจะได้รับความน่าสนใจถัดไปในช่วงถัดจากนี้ ได้แก่ ประเทศกัมพูชา ลาว เวียดนาม และพม่า (CLMV) หลังจากที่มีการพัฒนาประเทศและเปิดการค้าการลงทุนระหว่างประเทศอย่างชัดเจนมากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะมีโอกาสที่เศรษฐกิจจะพัฒนาถึง 10% ต่อปีได้ในช่วงถัดไป
นายวิน กล่าวต่อว่า สำหรับมุมมองการลงทุนในตลาดหุ้นอาเซียน นอกจากความน่าสนใจของความแตกต่างของเศรษฐกิจในกลุ่มอาเซียนแล้ว จะเห็นได้ว่าการปรับตัวของตลาดหุ้นอาเซียนเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นทั่วโลก รวมทั้งเม็ดเงินที่ไหลเข้าลงทุนในภูมิภาคอาเซียนต่อเนื่องในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ขณะที่การปรับตัวของตลาดหุ้นในแต่ละประเทศของกลุ่มก็มีความแตกต่างกันไปซึ่งส่งผลให้อัตราการเติบโตของตลาดหุ้นแต่ละประเทศมีความแตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลาจากการคาดการณ์ต่อเศรษฐกิจที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลา ทำให้นักลงทุนสามารถสร้างโอกาสรับผลตอบแทนจากช่วงจังหวะเวลาของตลาดนั้นๆ ได้
ทั้งนี้ จากมุมมองเชิงบวกจากทั้งด้านเศรษฐกิจและการลงทุนในภูมิภาคอาเซียน บลจ.วรรณจึงเตรียมเสนอขายกองทุนเปิดวรรณ STOXX อาเซียน ซีเล็ค ดิวิเดนด์ อินเด็กซ์ ฟันด์ (ONE-STOXXASEAN) ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระหว่างการพิจารณาจัดตั้งจากทาง ก.ล.ต. โดยคาดว่าจะเสนอขายได้ในช่วงเดือน มิ.ย. 58 ซึ่งจะเป็นกองทุนลักษณะ Index Fund คือ การสร้างผลตอบแทนของกองทุนให้ใกล้เคียงกับการปรับตัวของดัชนี STOXX ASEAN SELECT DIVIDEND 30 INDEX โดยจะเน้นลงทุนในหุ้นสามัญจำนวน 30 บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี STOXX ASEAN SELECT DIVIDEND 30 INDEX ในสัดส่วนหรือน้ำหนักที่ใกล้เคียงกับดัชนี (Fully Replication) โดยดัชนีฯ จะคัดเลือกหลักทรัพย์ที่มีผลตอบแทนอัตราการจ่ายปันผลย้อนหลัง 12 เดือนสูงสุด 30 บริษัทแรก โดยจำกัดประเทศละไม่เกิน 7 หลักทรัพย์ ขณะที่ไทยไม่เกิน 5 หลักทรัพย์
“การประเมินมูลค่าหุ้นของตลาดหุ้นอาเซียนซึ่งมี ROE เฉลี่ยอยู่ในระดับประมาณ 15% ขณะที่ระดับราคาหุ้นต่อกำไร (PE) ยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับ PE ของหุ้นในตลาดโลก ประกอบกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ดีจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และมีมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐทั้งนโยบายการเงินและการคลังที่สอดคล้องกันทั้งภูมิภาค ทำให้มองว่าการลงทุนในตลาดหุ้นอาเซียนจะเป็นอีกหนึ่งตลาดหลักทรัพย์ที่น่าสนใจและยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก” นายวินกล่าว