xs
xsm
sm
md
lg

เผยต่างชาติให้น้ำหนักหุ้นไทยน้อยต่อเนื่อง 3 ปีแล้ว นักลงทุนจับตาเสถียรภาพการเมือง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ผู้บริหาร บลจ.วรรณ คาดมติ กนง.คงอัตรา ดบ. ในการประชุม 10 มิ.ย.นี้ แต่แนวโน้มยังมีโอกาสปรับลดได้อีกครั้ง เพราะเงินเฟ้อต่ำ ชี้ นลท. จับตาทางออกการเมือง หลังข้อเสนอทำประชามติ และปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง พร้อมขยายเวลาให้ รบ. บริหารประเทศต่ออีก 2 ปี ส่งผลดัชนีแกว่งตัว 1,480-1,550 จุด มองต่างชาติให้น้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยค่อนข้างน้อยต่อเนื่องมา 3 ปีแล้ว เห็นได้จากมูลค่าเทรดที่ลดลง คาดว่าในปีนี้ยังคงเป็นแรงขายสุทธิ 1 หมื่นล้าน โดยจับตาการฟื้นตัวของ ศก. และการดำเนินนโยบาย ศก. ของรัฐบาลเป็นหลัก

นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม วรรณ จำกัด กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ในวันพุธที่ 10 มิถุนายน 2558 นี้ คาดว่า กนง.จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ร้อยละ 1.50 เพื่อรอดูผลจากการลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งก่อนหน้านี้ว่า จะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมากน้อยแค่ไหน โดยตัวเลขเศรษฐกิจไทยล่าสุดมีทิศทางที่ดีขึ้น ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของประเทศเพื่อนบ้านก็ยังไม่มีการปรับลดลง

อย่างไรก็ตาม กนง.อาจจะปรับลดดอกเบี้ยอีกครั้งในช่วงเวลาที่เหลือของปี หากภาวะเศรษฐกิจจะฟื้นตัวช้าต่อเนื่องโดยยังมีช่องว่างให้ กนง. ลดดอกเบี้ยได้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อในประเทศต่ำ

ส่วนทิศทางของตลาดหุ้นไทยในระยะ 1 ถึง 2 เดือนนี้ คาดว่าดัชนีจะเคลื่อนไหวแคบๆ ระหว่าง 1,480-1,550 จุด เนื่องจากปัจจัยบวก และปัจจัยลบค่อนข้างสมดุลกัน แต่ปัจจัยที่นักลงทุนจับตามองมากที่สุด คือ เสถียรภาพทางการเมือง หลังจากที่มีข้อเสนอให้มีการทำประชามติ และปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง รวมทั้งให้ขยายเวลารัฐบาลบริหารประเทศต่ออีก 2 ปี ซึ่งเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ซึ่งหากทางออกเรื่องนี้สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนได้ก็จะส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นได้เช่นกัน โดยคาดว่าภายใน 2-3 เดือน จะทราบทางออกที่ชัดเจน

ส่วนแนวโน้มการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ นายวิน กล่าวว่า ต่างชาติให้น้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยค่อนข้างน้อยต่อเนื่องมา 3 ปีแล้ว เห็นได้จากมูลค่าการซื้อขายที่ลดลง คาดว่าในปีนี้ยังคงเป็นแรงขายสุทธิ 10,000 ล้านบาท โดยจับตาการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลเป็นหลัก

นายวิน กล่าวเสริมว่า ในช่วงสิ้นปี 2558 จะมีการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ส่งผลให้อาเซียนเป็นภูมิภาคที่น่าสนใจ และมีการเติบโตประมาณร้อยละ 5-6 และเป็นภูมิภาคที่ถูกจับตามองจากนักลงทุนเพิ่มขึ้น ประกอบกับมีการรวมกลุ่มของเศรษฐกิจ และจำนวนประชากรที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะชนชั้นกลางที่มีรายได้สูง ทำให้เห็นโอกาสการลงทุนในตลาดหุ้นอาเซียน ทาง บลจ.วรรณ จึงออกกองทุน อาเซียน ซีเล็ค ดิวิเดนด์ อินเด็กซ์ ฟันด์ ลงทุนในหุ้น 30 บริษัทที่มีอัตราผลตอบแทนสูง คาดว่าจะให้ผลตอบจากปันผลร้อยละ 4-5 คาดว่าเสนอขายประมาณเดือนมิถุนายนนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น