2 บลจ.เปิดขายกองทุนตราสารหนี้ กรุงไทยเปิดกอง 6 เดือน ประมาณการผลตอบแทน 2.10% ต่อปี ลงทุนตราสารหนี้ทั้งไทยและต่างประเทศ ด้าน บลจ.กรุงศรีเปิดขายกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ เน้นลูกค้าไฮเอนด์ ชูผลตอบแทน 2.10% ต่อปี
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ เอ็นแฮนซ์ 14 (KTFFE 14) เสนอขายวันที่ 27 พฤษภาคม-2 มิถุนายน 2558 อายุโครงการ 6 เดือน เน้นลงทุนตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ ประเภทเงินฝากประจำ Bank of China , เงินฝากประจำ Turkiye Garanti Bankasi AS , MTN ออกโดย Akbank T.A.S , MTN ออกโดย Banco ABC (Brasil ) และ MTN ออกโดย Banco BTG Pactual S.A. ในสัดส่วน 90% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ ประเภทตั๋วแลกเงิน บมจ.บัตรกรุงไทย ผลตอบแทนประมาณ 2.10% ต่อปี
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายรอบใหม่ (Roll Over) กองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 3 เดือน คุ้มครองเงินต้น 3 (KTFIX3M3) เสนอขายถึงวันที่ 29 พฤษภาคม 2558 อายุโครงการ 3 เดือน เน้นลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ ประกอบด้วย พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ในสัดส่วน 57% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝาก / บัตรเงินฝากธนาคารออมสิน ธนาคารทิสโก้ และธนาคารไอซีบีซี (ไทย) จำกัด ผลตอบแทนประมาณ 1.25% ต่อปี
อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบทุกช่วงอายุตามแรงขาย ตามการปรับตัวเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรฝั่งยูโรโซนในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังประธาน Fed ได้คาดว่า Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้หากเศรษฐกิจยังคงมีแนวโน้มตามที่คาดการณ์ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอายุ 2 ปีปรับตัวเพิ่มขึ้น 9 bps มาอยู่ที่ 0.64% ต่อปี อายุ 5 ปีปรับตัวเพิ่มขึ้น 11 bps มาอยู่ที่ 1.57% ต่อปี และอายุ 10 ปีปรับตัวเพิ่มขึ้น 7 bps มาอยู่ที่ 2.21% ต่อปี สำหรับปัจจัยที่ต้องจับตามอง ได้แก่ แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา และช่วงเวลาที่ชัดเจนสำหรับการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
ขณะที่นางสุภาพร ลีนะบรรจง รักษาการประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด (บลจ.กรุงศรี) เปิดเผยว่า บริษัทจะทำการเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ต่างประเทศเอไอ 6M13 (KFFAI6M13) อายุประมาณ 6 เดือน เสนอขายระหว่างวันที่ 26 พฤษภาคม-2 มิถุนายน 2558 เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มิใช่รายย่อยและผู้ที่มีเงินลงทุนสูง ลงทุนขั้นต่ำ 510,000 บาท ประมาณการผลตอบแทน 2.10% ต่อปี และกองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน
สำหรับกองทุนนี้มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ เช่น เงินฝากธนาคาร Bank of China (สาธารณรัฐประชาชนจีน, มาเก๊า) สัดส่วนการลงทุน 6% ตราสารหนี้ GMTN ออกโดยธนาคาร Akbank T.A.S. (ตุรกี) สัดส่วนการลงทุน 23.50% ตราสารหนี้ GMTN ออกโดยธนาคาร Isbank (ตุรกี) สัดส่วนการลงทุน 23.5% ตราสารหนี้ EMTN ออกโดยธนาคาร Vakifbank (ตุรกี) สัดส่วนการลงทุน 23.5% และตราสารหนี้ GMTN ออกโดยธนาคาร Yapi Kredit bank (ตุรกี) สัดส่วนการลงทุน 23.5%
สำหรับอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ภาครัฐของสหรัฐอเมริกาปรับขึ้น 0.00-0.04% โดยที่อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ระยะยาวเพิ่มขึ้นมากกว่าอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ระยะสั้น ทั้งนี้ จากบันทึกการประชุมของเฟดบ่งชี้ว่า คณะกรรมการหลายท่านเห็นว่าไม่น่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน มิ.ย. โดยคณะกรรมการได้มีการวิเคราะห์ถึงปัจจัยที่อาจมีผลให้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจในไตรมาสแรกอ่อนแอกว่าที่คาด ซึ่งได้แก่ สภาวะอากาศ การลดการใช้จ่ายด้านทุนของกลุ่มธุรกิจพลังงาน และการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งคณะกรรมการคาดว่าเศรษฐกิจจะกลับมาขยายตัวในระดับปานกลางในช่วงที่เหลือของปีนี้
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ เอ็นแฮนซ์ 14 (KTFFE 14) เสนอขายวันที่ 27 พฤษภาคม-2 มิถุนายน 2558 อายุโครงการ 6 เดือน เน้นลงทุนตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ ประเภทเงินฝากประจำ Bank of China , เงินฝากประจำ Turkiye Garanti Bankasi AS , MTN ออกโดย Akbank T.A.S , MTN ออกโดย Banco ABC (Brasil ) และ MTN ออกโดย Banco BTG Pactual S.A. ในสัดส่วน 90% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ ประเภทตั๋วแลกเงิน บมจ.บัตรกรุงไทย ผลตอบแทนประมาณ 2.10% ต่อปี
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายรอบใหม่ (Roll Over) กองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 3 เดือน คุ้มครองเงินต้น 3 (KTFIX3M3) เสนอขายถึงวันที่ 29 พฤษภาคม 2558 อายุโครงการ 3 เดือน เน้นลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ ประกอบด้วย พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ในสัดส่วน 57% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝาก / บัตรเงินฝากธนาคารออมสิน ธนาคารทิสโก้ และธนาคารไอซีบีซี (ไทย) จำกัด ผลตอบแทนประมาณ 1.25% ต่อปี
อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบทุกช่วงอายุตามแรงขาย ตามการปรับตัวเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรฝั่งยูโรโซนในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังประธาน Fed ได้คาดว่า Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้หากเศรษฐกิจยังคงมีแนวโน้มตามที่คาดการณ์ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอายุ 2 ปีปรับตัวเพิ่มขึ้น 9 bps มาอยู่ที่ 0.64% ต่อปี อายุ 5 ปีปรับตัวเพิ่มขึ้น 11 bps มาอยู่ที่ 1.57% ต่อปี และอายุ 10 ปีปรับตัวเพิ่มขึ้น 7 bps มาอยู่ที่ 2.21% ต่อปี สำหรับปัจจัยที่ต้องจับตามอง ได้แก่ แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา และช่วงเวลาที่ชัดเจนสำหรับการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
ขณะที่นางสุภาพร ลีนะบรรจง รักษาการประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด (บลจ.กรุงศรี) เปิดเผยว่า บริษัทจะทำการเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ต่างประเทศเอไอ 6M13 (KFFAI6M13) อายุประมาณ 6 เดือน เสนอขายระหว่างวันที่ 26 พฤษภาคม-2 มิถุนายน 2558 เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มิใช่รายย่อยและผู้ที่มีเงินลงทุนสูง ลงทุนขั้นต่ำ 510,000 บาท ประมาณการผลตอบแทน 2.10% ต่อปี และกองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน
สำหรับกองทุนนี้มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ เช่น เงินฝากธนาคาร Bank of China (สาธารณรัฐประชาชนจีน, มาเก๊า) สัดส่วนการลงทุน 6% ตราสารหนี้ GMTN ออกโดยธนาคาร Akbank T.A.S. (ตุรกี) สัดส่วนการลงทุน 23.50% ตราสารหนี้ GMTN ออกโดยธนาคาร Isbank (ตุรกี) สัดส่วนการลงทุน 23.5% ตราสารหนี้ EMTN ออกโดยธนาคาร Vakifbank (ตุรกี) สัดส่วนการลงทุน 23.5% และตราสารหนี้ GMTN ออกโดยธนาคาร Yapi Kredit bank (ตุรกี) สัดส่วนการลงทุน 23.5%
สำหรับอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ภาครัฐของสหรัฐอเมริกาปรับขึ้น 0.00-0.04% โดยที่อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ระยะยาวเพิ่มขึ้นมากกว่าอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ระยะสั้น ทั้งนี้ จากบันทึกการประชุมของเฟดบ่งชี้ว่า คณะกรรมการหลายท่านเห็นว่าไม่น่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน มิ.ย. โดยคณะกรรมการได้มีการวิเคราะห์ถึงปัจจัยที่อาจมีผลให้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจในไตรมาสแรกอ่อนแอกว่าที่คาด ซึ่งได้แก่ สภาวะอากาศ การลดการใช้จ่ายด้านทุนของกลุ่มธุรกิจพลังงาน และการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งคณะกรรมการคาดว่าเศรษฐกิจจะกลับมาขยายตัวในระดับปานกลางในช่วงที่เหลือของปีนี้