บลจ.กรุงศรีประเดิมปี 58 เปิดขายกองตราสารหนี้ 6 เดือน ชูผลตอบแทน 2.55% ต่อปี ระหว่างวันที่ 13-19 มกราคมนี้ มั่นใจเหมาะต่อนักลงทุนเงินหนา และต้องการผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝาก
นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด หรือ KSAM เปิดเผยว่า “บริษัทเปิดเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้เอไอ 6M1 (KFXAI6M1) อายุประมาณ 6 เดือน ระหว่างวันที่ 13- 19 มกราคม 2558 มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการขายคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติประมาณ 2.55% ต่อปี
ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และหลังครบกำหนดอายุโครงการบริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติและสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนไปยังกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารเงิน (KFCASH) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงิน เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนต่อไป
สำหรับตราสารหนี้ที่จะลงทุน เช่น เงินฝากธนาคาร China Construction Bank (สาธารณรัฐประชาชนจีน ฮ่องกง) สัดส่วนการลงทุน 20% เงินฝากธนาคาร Bank of China (สาธารณรัฐประชาชนจีน สาขามาเก๊า) สัดส่วนการลงทุน 20% ตราสารหนี้ EMTN ออกโดยธนาคาร Akbank T.A.S. (ตุรกี) สัดส่วนการลงทุน 20% ตราสารหนี้ EMTN ออกโดยธนาคาร Isbank (ตุรกี) สัดส่วนการลงทุน 20% ตราสารหนี้ระยะสั้นออกโดยธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) สัดส่วนการลงทุน 7% ตราสารหนี้ระยะสั้นออกโดยธนาคาร กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สัดส่วนการลงทุน 7% และตั๋วแลกเงินออกโดยบริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) สัดส่วนการลงทุน 6%
“กองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้เอไอ 6M1 (KFXAI6M1) เป็นทางเลือกสำหรับการลงทุนในตราสารหนี้ เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มิใช่รายย่อย และผู้ที่มีเงินลงทุนสูง และต้องการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก ต้องการล็อกผลตอบแทนโดยสามารถลงทุนได้เป็นระยะเวลาประมาณ 6 เดือน”
นายฉัตรพี กล่าวอีกว่า สำหรับภาวะตลาดตราสารหนี้โลกนั้น อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ภาครัฐของสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ลดลงสู่ระดับต่ำกว่าร้อยละ 2 และเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในรอบกว่า 1 ปี เนื่องจากราคาน้ำมันดิ่งลงก่อนที่จะฟื้นตัวกลับขึ้นมาบ้าง โดยได้แรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาดี ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนโดยรวมปรับลดลงร้อยละ 0.03-0.12 โดยที่อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ระยะยาวลดลงมากกว่าระยะสั้น ทางด้านธนาคารกลางยุโรปประกาศว่าอยู่ในระหว่างเตรียมตัวที่จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งอาจมีการพิจารณาถึงการซื้อพันธบัตรรัฐบาลในการประชุมที่จะมีขึ้นในวันที่ 22 มกราคมนี้
สำหรับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับลดลงมากตามการลดลงของอัตราเงินเฟ้อ โดยลดลงร้อยละ 0.05-0.30 โดยที่อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ระยะยาวลดลงมากกว่าตราสารหนี้ระยะสั้น
นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด หรือ KSAM เปิดเผยว่า “บริษัทเปิดเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้เอไอ 6M1 (KFXAI6M1) อายุประมาณ 6 เดือน ระหว่างวันที่ 13- 19 มกราคม 2558 มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการขายคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติประมาณ 2.55% ต่อปี
ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และหลังครบกำหนดอายุโครงการบริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติและสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนไปยังกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารเงิน (KFCASH) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงิน เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนต่อไป
สำหรับตราสารหนี้ที่จะลงทุน เช่น เงินฝากธนาคาร China Construction Bank (สาธารณรัฐประชาชนจีน ฮ่องกง) สัดส่วนการลงทุน 20% เงินฝากธนาคาร Bank of China (สาธารณรัฐประชาชนจีน สาขามาเก๊า) สัดส่วนการลงทุน 20% ตราสารหนี้ EMTN ออกโดยธนาคาร Akbank T.A.S. (ตุรกี) สัดส่วนการลงทุน 20% ตราสารหนี้ EMTN ออกโดยธนาคาร Isbank (ตุรกี) สัดส่วนการลงทุน 20% ตราสารหนี้ระยะสั้นออกโดยธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) สัดส่วนการลงทุน 7% ตราสารหนี้ระยะสั้นออกโดยธนาคาร กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สัดส่วนการลงทุน 7% และตั๋วแลกเงินออกโดยบริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) สัดส่วนการลงทุน 6%
“กองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้เอไอ 6M1 (KFXAI6M1) เป็นทางเลือกสำหรับการลงทุนในตราสารหนี้ เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มิใช่รายย่อย และผู้ที่มีเงินลงทุนสูง และต้องการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก ต้องการล็อกผลตอบแทนโดยสามารถลงทุนได้เป็นระยะเวลาประมาณ 6 เดือน”
นายฉัตรพี กล่าวอีกว่า สำหรับภาวะตลาดตราสารหนี้โลกนั้น อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ภาครัฐของสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ลดลงสู่ระดับต่ำกว่าร้อยละ 2 และเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในรอบกว่า 1 ปี เนื่องจากราคาน้ำมันดิ่งลงก่อนที่จะฟื้นตัวกลับขึ้นมาบ้าง โดยได้แรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาดี ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนโดยรวมปรับลดลงร้อยละ 0.03-0.12 โดยที่อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ระยะยาวลดลงมากกว่าระยะสั้น ทางด้านธนาคารกลางยุโรปประกาศว่าอยู่ในระหว่างเตรียมตัวที่จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งอาจมีการพิจารณาถึงการซื้อพันธบัตรรัฐบาลในการประชุมที่จะมีขึ้นในวันที่ 22 มกราคมนี้
สำหรับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับลดลงมากตามการลดลงของอัตราเงินเฟ้อ โดยลดลงร้อยละ 0.05-0.30 โดยที่อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ระยะยาวลดลงมากกว่าตราสารหนี้ระยะสั้น