บลจ.เปิดขายกองทุนตราสารหนี้ รับภาวะดอกเบี้ยต่ำ ชูผลตอบแทนสูง ระบุภาวะตลาดบอนด์โลกยังอยู่ในระดับต่ำ ราคาน้ำมันยังไม่กดดันเงินเฟ้อปรับเพิ่มขึ้น
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่าย 2 กองทุน เสนอขายในวันที่ 3-9 ธันวาคม 2557 อายุโครงการ 6 เดือน ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ เอ็นแฮนซ์ 7 (KTFF7) เป็นกองทุนที่เสนอขายผู้ลงทุนที่มิใช่รายย่อย และผู้ที่มีเงินลงทุนสูง ลงทุนขั้นต่ำ 500,000 บาท เน้นลงทุนในตราสารต่างประเทศ ประเภทเงินฝากประจำ Akbank T.A.S., เงินฝาก Bank of China,MTN ออกโดย Banco BTG Pactual S.A., MTN ออกโดย Banco ABC (Brasil ) ในสัดส่วน 85% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ ประเภท หุ้นกู้ ตั๋วแลกเงิน สถาบันการเงิน บริษัทเอกชน ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.50% ต่อปี
ส่วนกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 128 (KTSUPB 128) เสนอขายนักลงทุนรายย่อย เงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท เน้นลงทุนในเงินฝาก Bank of China, เงินฝาก China Construction Bank, MTN ออกโดย Banco BTG Pactual S.A., MTN ออกโดย Banco ABC (Brasil) ในสัดส่วน 75% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ ประเภท หุ้นกู้ ตั๋วแลกเงิน สถาบันการเงิน บริษัทเอกชน ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.30% ต่อปี
นอกจากนี้ สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ในระดับต่ำ ขณะนี้บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายรอบใหม่ (Roll Over) ของกองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 6 เดือน คุ้มครองเงินต้น 3 (KTFIX6M3) เสนอขายถึงวันที่ 4 ธันวาคม 2557 อายุ 6 เดือน เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล 57% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝาก บัตรเงินฝากธนาคารพาณิชย์ ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.00% ต่อปี
สำหรับอัตราผลตอบแทนของพันธบัตร มีการปรับตัวลดลงเกือบทุกช่วงอายุประมาณ 1-5 bps ซึ่งเป็นผลมาจากสภาพคล่องที่ยังล้นตลาด และแรงกดดันเงินเฟ้อที่ลดต่ำลงมากหลัง OPEC ตรึงกำลังการผลิตน้ำมันและทำให้ราคาน้ำมันดิบแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี โดยล่าสุดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรุ่นอายุ 2 ปีปรับอยู่ที่ 2.08% ต่อปี รุ่นอายุ 5 ปี อยู่ที่ 2.44% ต่อปี และรุ่นอายุ 10 ปี อยู่ที่ 2.99% ต่อปี
นอกจากนี้ บริษัทประสบความสำเร็จในการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดเคแทม นอร์ท เอเชีย อิควิตี้ 8% ทริกเกอร์ ฟันด์ (KTNA8) ที่เสนอขายครั้งแรก และครั้งเดียวเมื่อวันที่ 15-21 ตุลาคมที่ผ่านมา ผู้จัดการกองทุนใช้ระยะเวลาในการบริหารกองทุน ประมาณ 1 เดือน สามารถสร้างผลตอบแทน 8% ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน โดยกองทุนจะสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนทั้งหมดไปยังกองทุนเปิดกรุงไทยสะสมทรัพย์ (KTSS) ภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งผู้ลงทุนสามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้หากมีความจำเป็นต้องใช้เงิน แต่ทั้งนี้ หากยังไม่มีความจำเป็นต้องการใช้เงินก็สามารถพักเงินไว้ในกองทุน KTSS ได้ เพื่อรอสับเปลี่ยนมายังกองทุนเปิดเคแทม นอร์ท เอเชีย อิควิตี้ ที่จะเปิดจำหน่ายกองใหม่ในเร็วๆ นี้
สำหรับนโยบายการลงทุนของกองทุนเปิดเคแทม นอร์ท เอเชีย อิควิตี้ จะเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนอีทีเอฟในต่างประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในกองทุนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนีหุ้นของประเทศในภูมิภาคเอเชียเหนือ ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน ฮ่องกง และเกาหลีใต้ ซึ่งกองทุนรวมจะทำการซื้อขายหน่วยลงทุนอีทีเอฟดังกล่าวในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ฮ่องกง และเกาหลีใต้ โดยกองทุนจะลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
ด้านนายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด หรือ KSAM เปิดเผยว่า บริษัทเปิดเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ 6M120 (KFFIX6M120) อายุประมาณ 6 เดือน มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน โดยนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการขายคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติประมาณ 2.45% ต่อปี และหลังครบกำหนดอายุโครงการบริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติและสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนไปยังกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารเงิน (KFCASH) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงิน เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนต่อไป เป็นทางเลือกสำหรับการลงทุนในตราสารหนี้ เหมาะกับนักลงทุนที่มองหาการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำและต้องการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก และต้องการล็อกผลตอบแทน โดยสามารถลงทุนได้เป็นระยะเวลาประมาณ 6 เดือน
สำหรับภาวะตลาดตราสารหนี้โลกนั้น อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ภาครัฐของสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 เดือนเนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจออกมาอ่อนแอกว่าที่คาด และอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ของยุโรปลดลง โดยเส้นอัตราผลตอบแทนปรับลดลงร้อยละ 0.00-0.10 ทางด้านดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของยุโรปเพิ่มขึ้นสู่ 100.8 จาก 100.7 ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการยุโรปประกาศแผนที่จะจัดตั้งกองทุนมูลค่า 2.1 หมื่นล้านยูโร เพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อให้เกิดการจ้างงานและปรับปรุงความสามารถในการแข่งขันของยุโรปในระยะยาว คาดว่ากองทุนนี้จะถูกจัดตั้งขึ้นในช่วงกลางปีหน้า และต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐบาลแต่ละประเทศและสภายุโรป ทางด้านญี่ปุ่น อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลงสู่ร้อยละ 0.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยเป็นการชะลอตัวลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน ในขณะที่ผลผลิตภาพอุตสาหกรรมปรับตัวสูงขึ้นในเดือนตุลาคม ส่วนทางด้านกลุ่มโอเปกมีมติคงเพดานการผลิตน้ำมันไว้ดังเดิม ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับลดลง และจะส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อทั่วโลก
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่าย 2 กองทุน เสนอขายในวันที่ 3-9 ธันวาคม 2557 อายุโครงการ 6 เดือน ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ เอ็นแฮนซ์ 7 (KTFF7) เป็นกองทุนที่เสนอขายผู้ลงทุนที่มิใช่รายย่อย และผู้ที่มีเงินลงทุนสูง ลงทุนขั้นต่ำ 500,000 บาท เน้นลงทุนในตราสารต่างประเทศ ประเภทเงินฝากประจำ Akbank T.A.S., เงินฝาก Bank of China,MTN ออกโดย Banco BTG Pactual S.A., MTN ออกโดย Banco ABC (Brasil ) ในสัดส่วน 85% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ ประเภท หุ้นกู้ ตั๋วแลกเงิน สถาบันการเงิน บริษัทเอกชน ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.50% ต่อปี
ส่วนกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 128 (KTSUPB 128) เสนอขายนักลงทุนรายย่อย เงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท เน้นลงทุนในเงินฝาก Bank of China, เงินฝาก China Construction Bank, MTN ออกโดย Banco BTG Pactual S.A., MTN ออกโดย Banco ABC (Brasil) ในสัดส่วน 75% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ ประเภท หุ้นกู้ ตั๋วแลกเงิน สถาบันการเงิน บริษัทเอกชน ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.30% ต่อปี
นอกจากนี้ สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ในระดับต่ำ ขณะนี้บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายรอบใหม่ (Roll Over) ของกองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 6 เดือน คุ้มครองเงินต้น 3 (KTFIX6M3) เสนอขายถึงวันที่ 4 ธันวาคม 2557 อายุ 6 เดือน เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล 57% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝาก บัตรเงินฝากธนาคารพาณิชย์ ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.00% ต่อปี
สำหรับอัตราผลตอบแทนของพันธบัตร มีการปรับตัวลดลงเกือบทุกช่วงอายุประมาณ 1-5 bps ซึ่งเป็นผลมาจากสภาพคล่องที่ยังล้นตลาด และแรงกดดันเงินเฟ้อที่ลดต่ำลงมากหลัง OPEC ตรึงกำลังการผลิตน้ำมันและทำให้ราคาน้ำมันดิบแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี โดยล่าสุดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรุ่นอายุ 2 ปีปรับอยู่ที่ 2.08% ต่อปี รุ่นอายุ 5 ปี อยู่ที่ 2.44% ต่อปี และรุ่นอายุ 10 ปี อยู่ที่ 2.99% ต่อปี
นอกจากนี้ บริษัทประสบความสำเร็จในการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดเคแทม นอร์ท เอเชีย อิควิตี้ 8% ทริกเกอร์ ฟันด์ (KTNA8) ที่เสนอขายครั้งแรก และครั้งเดียวเมื่อวันที่ 15-21 ตุลาคมที่ผ่านมา ผู้จัดการกองทุนใช้ระยะเวลาในการบริหารกองทุน ประมาณ 1 เดือน สามารถสร้างผลตอบแทน 8% ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน โดยกองทุนจะสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนทั้งหมดไปยังกองทุนเปิดกรุงไทยสะสมทรัพย์ (KTSS) ภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งผู้ลงทุนสามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้หากมีความจำเป็นต้องใช้เงิน แต่ทั้งนี้ หากยังไม่มีความจำเป็นต้องการใช้เงินก็สามารถพักเงินไว้ในกองทุน KTSS ได้ เพื่อรอสับเปลี่ยนมายังกองทุนเปิดเคแทม นอร์ท เอเชีย อิควิตี้ ที่จะเปิดจำหน่ายกองใหม่ในเร็วๆ นี้
สำหรับนโยบายการลงทุนของกองทุนเปิดเคแทม นอร์ท เอเชีย อิควิตี้ จะเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนอีทีเอฟในต่างประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในกองทุนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนีหุ้นของประเทศในภูมิภาคเอเชียเหนือ ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน ฮ่องกง และเกาหลีใต้ ซึ่งกองทุนรวมจะทำการซื้อขายหน่วยลงทุนอีทีเอฟดังกล่าวในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ฮ่องกง และเกาหลีใต้ โดยกองทุนจะลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
ด้านนายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด หรือ KSAM เปิดเผยว่า บริษัทเปิดเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ 6M120 (KFFIX6M120) อายุประมาณ 6 เดือน มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน โดยนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการขายคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติประมาณ 2.45% ต่อปี และหลังครบกำหนดอายุโครงการบริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติและสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนไปยังกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารเงิน (KFCASH) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงิน เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนต่อไป เป็นทางเลือกสำหรับการลงทุนในตราสารหนี้ เหมาะกับนักลงทุนที่มองหาการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำและต้องการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก และต้องการล็อกผลตอบแทน โดยสามารถลงทุนได้เป็นระยะเวลาประมาณ 6 เดือน
สำหรับภาวะตลาดตราสารหนี้โลกนั้น อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ภาครัฐของสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 เดือนเนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจออกมาอ่อนแอกว่าที่คาด และอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ของยุโรปลดลง โดยเส้นอัตราผลตอบแทนปรับลดลงร้อยละ 0.00-0.10 ทางด้านดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของยุโรปเพิ่มขึ้นสู่ 100.8 จาก 100.7 ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการยุโรปประกาศแผนที่จะจัดตั้งกองทุนมูลค่า 2.1 หมื่นล้านยูโร เพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อให้เกิดการจ้างงานและปรับปรุงความสามารถในการแข่งขันของยุโรปในระยะยาว คาดว่ากองทุนนี้จะถูกจัดตั้งขึ้นในช่วงกลางปีหน้า และต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐบาลแต่ละประเทศและสภายุโรป ทางด้านญี่ปุ่น อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลงสู่ร้อยละ 0.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยเป็นการชะลอตัวลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน ในขณะที่ผลผลิตภาพอุตสาหกรรมปรับตัวสูงขึ้นในเดือนตุลาคม ส่วนทางด้านกลุ่มโอเปกมีมติคงเพดานการผลิตน้ำมันไว้ดังเดิม ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับลดลง และจะส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อทั่วโลก