บลจ.กรุงไทยลุยตลาดหุ้นโลก ออกขายกองทุน "KTWEQ" ผ่านกองหลัก Templeton Global Fund พร้อมเพิ่มอีกทางเลือกเปิด KTFF52 ชูยิลด์ 2.40% ด้านกรุงศรีเปิดขายกองบอนด์ 6 เดือน ชูยิลด์ 2.40%
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ เอคควิตี้ ฟันด์ (KT-WEQ) เสนอขายวันที่ 1-7 ตุลาคม 2557 เป็นกองทุนรวมที่เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Templeton Global Fund (Master Fund) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุน KT-WEQ จะนำเงินบาทไปลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนหลักในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
โดยนโยบายการลงทุนของกองทุนนั้นมีเป้าหมายในการเติบโตของเงินลงทุนในระยะยาว โดยจะลงทุนในตราสารทุนทั่วโลก รวมถึงกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งกองทุนจะเน้นลงทุนในหุ้นสามัญเป็นหลัก ที่มีหุ้นขนาดใหญ่ มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดมากกว่า 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐขึ้นไป ปัจจุบันกองทุนลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ประมาณ 30% ยุโรป 20% เอเชีย 18% ส่วนที่เหลือลงทุนในหุ้นกลุ่มประเทศอื่นๆ ที่มีศักยภาพ
“กองทุน KT-WEQ นับเป็นทางเลือกในการกระจายการลงทุนในหุ้นต่างประเทศ นอกเหนือจากการลงทุนหุ้นในประเทศ เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนของนักลงทุน และเป็นการเปิดโอกาสรับผลตอบแทนผ่านการกระจายการลงทุนทั่วโลก โดยเน้นหุ้นที่มีราคาตลาดต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานที่ควรจะเป็นอย่างมาก ผู้จัดการกองทุนสามารถเลือกลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพได้ ทั้งในตลาดที่พัฒนาแล้ว และตลาดที่กำลังพัฒนา โดยไม่ยึดติดกับดัชนีอ้างอิง เพราะเป็นการบริหารกองทุนแบบ Active”
นอกจากนี้ บริษัทเพิ่มทางเลือกให้แก่นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ในระดับปานกลาง หรือต้องการกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน สามารถพิจารณาเลือกลงทุนในกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 52 (KTFF52) โดยเปิดจำหน่ายในวันที่ 1-7 ตุลาคม 2557 อายุ 6 เดือน เน้นลงทุนในตราสารต่างประเทศ ประเภทเงินฝาก Bank of China, เงินฝากประจำ China Construction Bank, MTN ออกโดย Agricultural Bank of China, MTN ออกโดย ICBC และ MTN ออกโดย Banco BTG Pactual ในสัดส่วน 95% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในตั๋วเงินคลัง และพันธบัตรรัฐบาล ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.40% ต่อปี
บลจ.กรุงศรีเปิดขายกองบอนด์
นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด หรือ KSAM เปิดเผยว่า “บริษัทเปิดเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ 6M112 (KFFIX6M112) อายุประมาณ 6 เดือน มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น เงินฝากธนาคาร China Construction Bank (สาธารณรัฐประชาชนจีน ฮ่องกง) สัดส่วนการลงทุน 20% เงินฝากธนาคาร Bank of China (สาธารณรัฐประชาชนจีน สาขามาเก๊า) สัดส่วนการลงทุน 20% ตราสารหนี้ EMTN ออกโดยธนาคาร Industrial and Commercial Bank of China (Asia) (สาธารณรัฐประชาชนจีน, ฮ่องกง) สัดส่วนการลงทุน 20% ตราสารหนี้ EMTN ออกโดยธนาคาร Agricultural Bank of China (สาธารณรัฐประชาชนจีน, ฮ่องกง) สัดส่วนการลงทุน 20% ตราสารหนี้ระยะสั้นออกโดยธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) สัดส่วนการลงทุน 7% ตราสารหนี้ระยะสั้นออกโดยธนาคาร กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สัดส่วนการลงทุน 7% และตั๋วแลกเงินออกโดยบริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) สัดส่วนการลงทุน 6%
ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน โดยนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการขายคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติประมาณ 2.55% ต่อปี และหลังครบกำหนดอายุโครงการบริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติและสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนไปยังกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารเงิน (KFCASH) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงิน เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนต่อไป”
“กองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ 6M112 (KFFIX6M112) เป็นทางเลือกสำหรับการลงทุนในตราสารหนี้ เหมาะกับนักลงทุนที่มองหาการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำและต้องการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก และต้องการล็อกผลตอบแทน โดยสามารถลงทุนได้เป็นระยะเวลาประมาณ 6 เดือน”
สำหรับแนวโน้มภาวะตลาดตราสารหนี้ในสหรัฐฯ และในตลาดเกิดใหม่นั้น บลจ.กรุงศรีคาดว่าผลตอบแทนจากการลงทุนในระยะสั้นอาจจะมีความผันผวนตามการเปลี่ยนแปลงของนโยบายการเงินในสหรัฐฯ ที่ธนาคารกลางกำลังจะยุตินโยบายการเข้าซื้อพันธบัตรและตราสารหนี้ในตลาด และอาจพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในลำดับถัดไป
ขณะที่ธนาคารกลางของกลุ่มสหภาพยุโรปกำลังพิจารณาเริ่มดำเนินนโยบายเข้าซื้อพันธบัตรและตราสารหนี้ในตลาดเพื่อช่วยกระตุ้นภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง อย่างไรก็ดี คาดว่าการลงทุนในตราสารหนี้สหรัฐฯ และตราสารหนี้ในตลาดเกิดใหม่จะยังคงให้ผลตอบแทนที่ดีและสม่ำเสมอในระยะยาว