ตลาดหุ้นโลกรับปัจจัยลบจากปัญหายูเครน และตะวันออกกกลาง แต่เป็นช่วงสั้น บลจ.ออกลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ชูผลตอบแทนสูง
นางชวินดา หาญรัตกูล กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการประชุม กนง.ที่ผ่านมามีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.0% เป็นไปตามคาด ทั้งนี้ กนง.ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี ตามการใช้จ่ายภาคเอกชนที่ดีขึ้นหลังเหตุการณ์ทางการเมืองคลี่คลาย และแรงกระตุ้นด้านการคลังจะทยอยเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม เรามองว่าเม็ดเงินจากนโยบายการคลังอาจจะไม่ไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเร็วนัก เพราะขั้นตอนการเบิกจ่ายที่ค่อนข้างใช้เวลา ทำให้นโยบายการเงินยังน่าจะอยู่ในลักษณะผ่อนปรนเช่นนี้ไปจนถึงสิ้นปีเป็นอย่างน้อย ขณะที่การดำเนินตามโรดแมปของ คสช.ยังเป็นไปต่อเนื่อง ที่ผ่านมาได้มีการตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะเข้ามาพิจารณากฎหมายต่างๆ ที่ค้างอยู่ โดยเฉพาะ พ.ร.บ. งบประมาณปี 58และคาดว่าน่าจะมีการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีได้ภายในเดือนนี้ และมีการสรรหาและแต่งตั้งสภาปฏิรูปแห่งชาติได้ภายในต้นเดือน ต.ค.
ทั้งนี้ บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนประเภทกำหนดอายุโครงการ 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 104 (KTSUPB104) เสนอขายวันที่ 14-19 สิงหาคม 2557 อายุ 6 เดือน มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศประมาณ 75% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ประกอบด้วย เงินฝาก Bank of China, เงินฝาก China Construction Bank, MTN ออกโดย Banco BTG Pactual S.A., MTN ออกโดย Banco ABC (Brasil) ส่วนที่เหลือลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ ประเภท หุ้นกู้ ตั๋วแลกเงิน สถาบันการเงิน บริษัทเอกชน ผลตอบแทนประมาณ 2.60% ต่อปี
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายรอบใหม่ (Roll Over) ของกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ทอินเวส 6เดือน5 (KTSIV6M5) เสนอขายถึงวันที่ 15 สิงหาคม 2557 อายุ 6 เดือน เน้นลงทุนตราสารหนี้ภาคเอกชน 85% ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝาก ธนาคารออมสิน ผลตอบแทนประมาณ 2.40% ต่อปี
สำหรับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย โดยรวมปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อน โดยเฉพาะในช่วงอายุ 5-10 ปี ตามแรงซื้อของนักลงทุนในประเทศหลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.00% ต่อปี และมีแนวโน้มที่จะยังคงใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนปรนอย่างน้อยถึงสิ้นปี โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตร อายุ 2 ปีปรับตัวลดลง 1 basis point (bps.) มาอยู่ที่ 2.38% ต่อปี อายุ 5 ปีปรับตัวลดลง 11 bps.มาอยู่ที่ 3.02% ต่อปี และอายุ 10 ปี ปรับตัวลดลง 14 bps.มาอยู่ที่ 3.51% ต่อปี
นายนาวิน อินทรสมบัติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างยูเครนกับกลุ่มสนับสนุนรัสเซียในยูเครน ยังคงกดดันบรรยากาศการลงทุนในช่วงนี้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในตลาดหุ้นยุโรปที่ปรับตัวลดลงไปแล้ว 5-7% ในเดือนที่ผ่านมา เนื่องจากความกังวลว่าความขัดแย้งดังกล่าวอาจทวีความรุนแรงและลุกลามไปสู่การคว่ำบาตรของชาติมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ ในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาได้เกิดเหตุการณ์ที่ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ นายบารัค โอบามา ประกาศโจมตีอิรักทางอากาศ หลังจากสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในประเทศอิรัก ส่งผลให้ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ทั่วโลกต่างปรับตัวลดลงทันที
อย่างไรก็ตาม คาดว่าผลกระทบดังกล่าวจะทำให้ตลาดเกิดความผันผวนในช่วงระยะสั้น โดยมุมมองของ บลจ.กสิกรไทยยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตของตลาดหุ้นต่างประเทศในระยะยาว จากตัวเลขเศรษฐกิจในหลายภูมิภาคที่ออกมาดีกว่าที่คาด รวมถึงธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลก เช่น ยุโรป ญี่ปุ่น ต่างดำเนินนโยบายทางการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในอนาคต
โดยในระหว่างวันที่ 14-18 สิงหาคม 2557 นี้ บลจ.กสิกรไทยจะเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน เอจี (KEFF6MAG) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.70% ต่อปี และกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 3 เดือน อีพี (KFI3MEP) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่าย กองทุนที่ 2.40% ต่อปี โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน และสำหรับผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี
นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.กรุงศรี จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเปิดเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ 6M105(KFFIX6M105) อายุประมาณ 6 เดือน มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน รับผลตอบแทนจากการขายคืนหน่วยลงทุน 2.60% ต่อปี เป็นทางเลือกสำหรับการลงทุนในตราสารหนี้เหมาะกับนักลงทุนที่มองหาการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำและต้องการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก และต้องการล็อกผลตอบแทน โดยสามารถลงทุนได้เป็นระยะเวลาประมาณ 6 เดือน สำหรับภาวะตลาดตราสารหนี้โลกนั้น อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ลดลงสู่ร้อยละ 2.36 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2556 เนื่องจากปัญหาในยูเครนและอิรักมีความตึงเครียดมากขึ้น ในส่วนของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับลงร้อยละ 0.05-0.17