บลจ.เปิดขายกองทุนตราสารหนี้ไทย-เทศ กรุงศรีเปิดขายกองอายุ 6 เดือน ชูผลตอบแทน 2.60% ขณะที่ บลจ.กรุงไทยเปิดขาย 2 กอง ลงทุนต่างประเทศและตราสารหนี้ภาคเอกชนในประเทศ ผลตอบแทน 2.50% และ 2.35% ตามลำดับ คาดตอบโจทย์นักลงทุนเสี่ยงต่ำ แต่ผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝาก
นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด หรือ KSAM เปิดเผยว่า “บริษัทอยู่ระหว่างการเปิดเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ 6M97 (KFFIX6M97) อายุประมาณ 6 เดือน มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการขายคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติประมาณ 2.60% ต่อปี และหลังครบกำหนดอายุโครงการบริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติและสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนไปยังกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารเงิน (KFCASH) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงิน เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนต่อไป
สำหรับการลงทุนของกองทุนนี้ประกอบด้วย เงินฝากธนาคาร China Construction Bank (สาธารณรัฐประชาชนจีน, ฮ่องกง) สัดส่วนการลงทุน 20% เงินฝากธนาคาร Bank of China (สาธารณรัฐประชาชนจีน สาขามาเก๊า) สัดส่วนการลงทุน 20% ตราสารหนี้ EMTN ออกโดยธนาคาร Industrial and Commercial Bank of China (Asia) (สาธารณรัฐประชาชนจีน, ฮ่องกง) สัดส่วนการลงทุน 15% ตราสารหนี้ EMTN ออกโดยธนาคาร Agricultural Bank of China (สาธารณรัฐประชาชนจีน, ฮ่องกง) สัดส่วนการลงทุน 15% ตราสารหนี้ระยะสั้นออกโดยธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) สัดส่วนการลงทุน 10% ตราสารหนี้ระยะสั้นออกโดยธนาคาร กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สัดส่วนการลงทุน 10% และตั๋วแลกเงินออกโดยบริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) สัดส่วนการลงทุน 10%
“กองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ 6M97(KFFIX6M97) เป็นทางเลือกสำหรับการลงทุนในตราสารหนี้เหมาะต่อนักลงทุนที่มองหาการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำและต้องการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก และต้องการล็อกผลตอบแทน โดยสามารถลงทุนได้เป็นระยะเวลาประมาณ 6 เดือน”
สำหรับภาวะตลาดตราสารหนี้โลกนั้น ในส่วนของอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ภาครัฐของสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 0.0-0.09 โดยตราสารหนี้ที่มีอายุยาวอัตราผลตอบแทนสูงขึ้นมากกว่าตราสารหนี้ที่มีอายุสั้น ทั้งนี้ ธนาคารกลางยุโรปได้ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อกระตุ้นให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นและสนับสนุนให้เศรษฐกิจยูโรโซนขยายตัวต่อเนื่อง โดยใช้มาตรการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยลดลงร้อยละ 0.0-0.07 นอกจากนี้ มูดี้ส์ได้ประกาศคงอันดับความน่าเชื่อถือของไทยและให้มุมมอง “มีเสถียรภาพ” โดยระบุว่าทางสถาบันไม่คิดว่าการทำรัฐประหารของกองทัพและการเมืองที่ยังไม่มีความแน่นอนจะส่งผลกระทบต่อความแข็งแกร่งของเครดิตของไทยอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้า
กรุงไทยขาย 2 กองตราสารหนี้
ด้าน นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่าย 2 กองทุนตราสารหนี้ ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 120 (KTSUPB120) เสนอขายวันที่ 11-17 มิถุนายน 2557 อายุ 6 เดือน มูลค่า 5,000 ล้านบาท เน้นลงทุนในตราสารต่างประเทศ ประกอบด้วย เงินฝาก Bank of China, เงินฝาก China Construction Bank, MTN ออกโดย Agricultural Bank of China ในสัดส่วน 60% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ โดยเงินลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศจะมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.50% ต่อปี
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายรอบใหม่ (Roll Over) ของกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ทอินเวส 3 เดือน 3 (KTSIV3M3) เสนอขายถึงวันที่ 13 มิถุนายนนี้ อายุ 3 เดือน เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชน 65% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝากธนาคารพาณิชย์ ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.35% ต่อปี
อัตราผลตอบแทนของตลาดตราสารหนี้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีการปรับตัวลดลงตามทิศทางตลาดอื่นๆ ในภูมิภาคหลังธนาคารกลางยุโรป (ECB) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ส่วนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 18 มิถุนายนนี้ คาดว่าจะยังคงไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการโอกาสในการรับผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากเงินกับธนาคารพาณิชย์ และผลตอบแทนที่ได้รับไม่เสียภาษีอีกด้วย