บลจ.กสิกรไทย และ บลจ.กรุงไทยพร้อมใจส่งกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นขายไอพีโอ แนะรอดูสถานการณ์ทางการเมืองก่อนตัดสินใจลงทุน
นางสาวยุพาวดี ตู้จินดา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า มุมมองเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลัง ยังคงมีปัจจัยการเมืองเป็นตัวแปรสำคัญที่จะส่งผลต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งดูเหมือนว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะเริ่มร้อนแรงขึ้นอีกครั้ง หลังจากศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยตัดสินให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีที่ร่วมประชุม และลงมติในการโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี จากตำแหน่งเลขาธิการ สมช. เมื่อปี 2554 โดยมีความผิดตามกฎหมายรัฐธรรมนูญและให้พ้นสภาพจากตำแหน่ง นอกจากนี้ในวันถัดมาทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ตัดสินกรณีการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวว่านายกรัฐมนตรีมีความผิดจริง และได้ส่งเรื่องไปยังวุฒิสภาเพื่อถอดถอนต่อไป
ส่งผลให้สถานการณ์ทางการเมืองเกิดความตึงเครียดขึ้นอีกครั้ง เนื่องจากยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ว่าจะดำเนินต่อไปในทิศทางใด และอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกมาให้ความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะยังคงสามารถขยายตัวเป็นบวกได้ และยังไม่ถึงขั้นถดถอย แต่การเติบโตอาจจะชะลอตัวลงจากปีที่ผ่านมา ด้านสถานการณ์ตลาดตราสารหนี้ไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับตัวลดลงต่อเนื่อง โดยเฉพาะพันธบัตรระยะยาว โดยพันธบัตรอายุ 5 ปีปรับตัวลดลงจาก 3.08% มาอยู่ที่ 2.99% ขณะที่พันธบัตรอายุ 10 ปีปรับตัวลดลงจาก 3.70% มาอยู่ที่ 3.59% เนื่องจากความไม่แน่นอนทางการเมืองที่มีมากขึ้น ทำให้นักลงทุนหันเข้ามาถือพันธบัตรในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้นและกดดันอัตราผลตอบแทนลงมา
โดยในวันที่ 15-19 พฤษภาคม 2557 นี้ บลจ.กสิกรไทยจะเสนอขายกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน บีไอ (KFF6MBI) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.80% ต่อปี กองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ 3 เดือน ซี (KEFI3MC) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.75% ต่อปี และกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน วี (KEFF6MV) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 3.00% ต่อปี โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน และสำหรับผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี
ทางด้านนางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.กรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ รุ่นอายุ 1-12 เดือน ไม่เปลี่ยนแปลงจากสัปดาห์ก่อน ส่วนรุ่นอายุตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไปมีการปรับตัวลงทุกช่วงอายุ เนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยทางการเมือง ส่วนปัจจัยที่ต้องจับตามองคือสถานการณ์การเมืองในประเทศ ข้อมูลเศรษฐกิจของจีน และสหรัฐฯ เป็นต้น กองทุนนี้จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการล็อกผลตอบแทนในช่วงระยะสั้น
ทั้งนี้ บริษัทได้เปิดจำหน่าย 2 กองทุนตราสารหนี้ ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟ ไอเอฟ 51 (KTFF51) อายุโครงการ 6 เดือน มูลค่า 5,000 ล้านบาท เสนอขายตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 20 พฤษภาคม 2557 ซึ่งผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.70% ต่อปี นอกจากนี้ บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายรอบใหม่ (Roll Over) กองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ทอินเวส 6 เดือน 2 (KTSIV6M2) เสนอขายถึงวันที่ 16 พฤษภาคม 2557 อายุ 6 เดือน โดยผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.40% ต่อปีอีกด้วย