บลจ.กรุงไทยจับจังหวะส่งกองทุน ESET50 อิงดัชนี SET50 ชูจุดเด่นช่วยกระจายความเสี่ยงลงทุนกองทุนเพียงกองเดียว แต่กระจายการลงทุนไปยังหุ้น 50 ตัว เสนอขายไอพีโอตั้งแต่วันที่ 6-14 มีนาคม 2557 นี้
นายชัชพล สีวลีพันธ์ ผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจและการตลาด 2 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในระยะถัดไป ฝ่ายวิจัย บลจ.กรุงไทยประเมินว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะมีการปรับลดอีกครั้งมาอยู่ที่ 2% ในส่วนของค่าเงินนั้นเงินดอลลาร์สหรัฐจะแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจาก Fund Flow ไหลเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์เสี่้ยง ทั้งนี้ ปัจจัยลบที่ยังเป็นปัญหาของเศรษฐกิจไทยและตลาดหุ้นไทย ได้แก่ ปัญหาการเมือง โดยการลงทุนโครงการใหญ่จากภาครัฐ และการเบิกจ่ายงบประมาณในการกระตุ้นเศรษฐกิจอาจจะยังไม่มีให้เห็นในช่วงนี้
ขณะเดียวกัน ความกังวลในเรื่องของการลดทอน QE และนโยบายการเงินของเฟดก็ยังต้องเป็นปัจจัยที่ต้องติดตาม ส่วนปัญหาที่ต้องระมัดระวังอยู่ในตอนนี้คือหนี้ภาคครัวเรือนของไทยที่สูงขึ้นถึง 70-80% ของ GDP และสิ่งที่ต้องจับตาและรอประเมินผลต่อนั้นก็คือผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในปีนี้ว่าจะออกมาในทิศทางใด
ทั้งนี้ บลจ.กรุงไทยมองว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่นำโดย สหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น จะเป็นตัวผลักดันให้เศรษฐกิจโลกเติบโตต่อไปได้ โดยเรามองว่าดัชนีหุ้นไทยปลายปีนี้จะอยู่ที่ 1,450 จุด มีอัตราการเติบโต 12.2% และอัตตราการปันผลเฉลี่ย 3.3%
นายชัชพล กล่าวต่อว่า สภาวะการเมืองที่เริ่มคลี่คลายก็ถือเป็นโอกาสให้นักลงทุนได้ลงทุนในหุ้นที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี SET50 ณ ระดับราคาที่ไม่สูงนัก บลจ.จึงเปิดขายกองทุนเปิด KTAM SET50 ETF Tracker ภายใต้รหัส “ESET50” ซึ่งเป็นกองทุนรวมอีทีเอฟที่อ้างอิงกับดัชนี SET50 (SET50 Index) โดยเสนอขายแก่นักลงทุนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 6-14 มีนาคม 2557 มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท ลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท (เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณของ 10,000 บาท) โดยกองทุนมีนโยบายเน้นลงทุนในหลักทรัพย์ที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี SET50 ทั้งนี้ กองทุนจะจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวันแรกในวันที่ 26 มีนาคม 2557 โดยใช้ชื่อย่อในตลาดหลักทรัพย์ว่า “ESET50”
สำหรับความน่าสนใจของกองทุนเปิด KTAM SET50 ETF Tracker นั่นคือการลงทุนในกองทุนดังกล่าวเพียงกองเดียวแต่มีการกระจายการลงทุนไปยังหุ้น 50 ตัว นอกจากจะได้รับเงินปันผลจากการลงทุนและยังได้รับ Capital Gain จากการลงทุนอีกด้วย ขณะเดียวกัน บลจ.กรุงไทยพยายามบริหารจัดการให้ค่าธรรมเนียมของกองทุน ESET50 ไม่สูงมากเกินไปอีกด้วย นอกจากนี้ผู้ลงทุนจะมีโอกาสได้รับผลตอบแทนเคลื่อนไหวตามดัชนี SET50 ก่อนหักค่าใช้จ่ายของกองทุน บลจ.กรุงไทย และบล. เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ดูแลสภาพคล่องยังได้ออกแบบกองทุนให้เป็นที่สนใจของนักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนต่างชาติเพิ่มมากขึ้นด้วย โดยกำหนดให้การเปลี่ยนแปลงของราคาเสนอซื้อ เสนอขาย (Bid-Offer Spread) ESET50 ใกล้เคียงกับการเปลี่ยนแปลงของดัชนี SET50 ได้มากยิ่งขึ้น
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยปรับสู่จุดเปลี่ยนที่เคยขับเคลื่อนด้วยเงินทุนต่างชาติ (Fund Flow) มาเป็นการขับเคลื่อนด้วยพื้นฐานของตลาดหุ้นจริงๆ ซึ่งหุ้นในดัชนี SET50 มีสัดส่วนของกำไรคิดเป็นประมาณ 80% ของกำไรตลาดรวม โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตสัดส่วนนี้ก็จะเพิ่มขึ้นเหมือนในช่วงปี 08 สัดส่วนของกำไรในกลุ่มดัชนี SET50 คิดเป็น 85% ของกำไรบริษัทรวม ในขณะที่ปัจจุบันดัชนี SET50 ซื้อขายที่ราคาส่วนลดจากดัชนี SET ประมาณ 6.5% ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าลงทุน เพราะกลุ่มดัชนี SET50 มีแนวโน้มของกำไรที่เติบโตดีกว่า โดยในปีนี้คาดว่าจะโต 14.2% ในขณะที่ดัชนี SET กำไรโต 12.9% เท่านั้น แต่ซื้อขายที่ราคาถูกกว่า ปัจจุบันดัชนี SET มีสัดส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) ประมาณ 14.5 เท่า ในขณะที่ดัชนี SET50 อยู่ที่ 13.5 เท่า
“บริษัทประเมินราคาเป้าหมายดัชนี SET50 ปลายปีมีโอกาสขยับแตะระดับ 1,000-1,050 จุดได้ นี่จึงเป็นโอกาสที่ดีในการลงทุน”
