xs
xsm
sm
md
lg

คู่หู LTF-RMF หนุนหุ้นช่วงสิ้นปี บลจ.กรุงไทยมองกรอบดัชนี 1,450-1,550 จุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บลจ.กรุงไทยมองกรอบดัชนีหุ้นไทยปลายปีอยู่ในกรอบ 1,450-1,550 จุด หลังได้แรงหนุนจากคู่หูประหยัดภาษี LTF-RMF หนุน พร้อมประเมิน AUM ปี 57 โต 15%

นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เราประเมินว่าสิ้นปีนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะอยู่ในช่วง 1,450-1,550 จุด โดยหากการเมืองไม่ยืดเยื้อและสามารถหาทางออกได้เร็ว SET Index ปลายปีอาจจะขึ้นไปอยู่ 1,550 จุด แต่หากการเมืองยืดเยื้อก็อาจจะอยู่ที่ 1,450 จุด คาดว่าในช่วงเดือน ธ.ค. 56 จะมีแรงซื้อจากกองทุน LTF และ RMF เข้ามาหนุนให้ดัชนีปรับตัวขึ้นไปได้
    
ทั้งนี้ เราประเมินผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP ของไทยในปีนี้จะเติบโตได้เพียง 2.7% เนื่องจากปัจจุบันการส่งออกยังไม่ฟื้น การลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชนมีการชะลอออกไป รวมถึงการเมืองที่เข้ามากระทบในช่วงปลายปี ส่งผลให้ GDP เติบโตได้ไม่มากนัก

ส่วนปี 2557 คงต้องติดตามสถานการณ์ทางการเมืองเป็นหลัก หากยังไม่สามารถหาทางออกและมีความยืดเยื้อก็อาจจะทำให้ GDP เติบโตได้เพียง 3-4% จากที่คาดไว้ราว 4.5-5% แต่ถ้าการเมืองจบลงได้เร็วก็คาดว่าเศรษฐกิจจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวและทำให้ GDP เติบโตได้ตามคาดการณ์เดิม โดยในช่วงต้นปี 57 บริษัทฯ เตรียมที่จะออกกองทุน Small and big cap. european เพื่อนำเงินไปลงทุนในต่างชาติ เพื่อกระจายความเสี่ยงไปยังต่างประเทศ หลังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ
    
สำหรับสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร หรือ AUM ในปี 2557 นั้นเราประเมินว่าจะเติบโตได้ประมาณ 15% ซึ่งเป็นการเติบโตที่มากกว่าอุตสาหกรรมที่เติบโตเพียง 7-8% จากสิ้นปีนี้ที่คาดว่าจะมี AUM อยู่ที่ราว 570,000 ล้านบาท โดยการเติบโตส่วนใหญ่จะมาจากกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน การบริหารกองทุนส่วนบุคคล และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์

นายสมชัย กล่าวต่อว่า ในส่วนของการซื้อขายกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาฯ ซี.พี.ทาวเวอร์ โกรท  หรือ CPTGF เราคาดว่าจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดีอีกครั้ง หลังจากเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เนื่องจากกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์สามารถตอบสนองนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสม่ำเสมอได้เป็นอย่างดี

 ในภาวะที่ภาพรวมการลงทุนของตลาดหุ้นยังคงผันผวนจากสถานการณ์ทางการเมือง และการชะลอตัวของเศรษฐกิจ อีกทั้งในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งล่าสุด ยังมีมติลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จาก 2.50% เหลือ 2.25% ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ทยอยประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยทั้งเงินกู้และเงินฝาก ทำให้นักลงทุนจำนวนไม่น้อยที่คิดจะพักการลงทุนในหุ้นหรือทอง

 โดยเลือกที่จะฝากเงินกับธนาคารพาณิชย์ อาจจะมองหาช่องทางการลงทุนใหม่ ในช่วงที่ดอกเบี้ยปรับตัวลดลงเช่นนี้ ซึ่งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์คือคำตอบที่เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์


กำลังโหลดความคิดเห็น