ธุรกิจกองทุนรวม-ประกันชีวิต เชื่อลดอัตราเก็บภาษีไม่กระทบกองทุน LTF-RMF และประกันชีวิต เหตุคนเริ่มเข้าใจถึงความสำคัญของการลงทุน และการคุ้มครองตนเองมากขึ้น ระบุอาจส่งผลดีได้เช่นกัน เนื่องจากนโยบายดังกล่าวจะทำให้คนไทยบางกลุ่มมีเงินเหลือมากขึ้นด้วย
นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด และในฐานะนายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน หรือ AIMC กล่าวว่า ในปีนี้กองทุน LTF-RMF มีผลในเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทยแม้จะมีปัจจัยลบส่งผลกระทบให้ดัชนีมีความผันผวนบ้าง แต่นักลงทุนก็ยังเข้ามาลงทุนต่อเนื่อง ขณะเดียวกันการลงทุน LTF-RMF นั้นเรามีนักลงทุนที่เพิ่งเข้ามาลงทุนใหม่เพิ่มขึ้นทุกปี นั่นแสดงให้เห็นว่านักลงทุนไทยพัฒนาและมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนและการลงทุนในกองทุนรวมเพิ่มมากขึ้น
สำหรับการปรับภาษีในอัตราใหม่นั้นอาจจะมีผลกระทบเพียงเล็กน้อยหรืออาจจะไม่กระทบเลยต่อการลงทุนในกองทุน LTF-RMF โดยเฉพาะการลงทุนในกองทุน RMF อยากให้นักลงทุนนึกถึงการลงทุนเพื่อเกษียณในอนาคต และเรื่องภาษีนั้นเป็นเสมือนของเเถมที่นักลงทุนได้จากการลงทุน RMF
นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส กรรมการผู้จัดการ บลจ.ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า การปรับภาษีใหม่นั้นไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อนักลงทุนที่ลงทุนใน LTF-RMF ของ บลจ. ซึ่งการลงทุนในกองทุนทั้งสองนั้นเป็นลักษณะการลงทุนระยะยาว ส่วนใหญ่นักลงทุนที่เข้ามาลงทุนนั้นมีความเข้าใจในการลงทุนอยู่แล้ว
ขณะที่แหล่งข่าวจากแวดวงกองทุนรวมรายหนึ่งกล่าวว่า นักลงทุนที่ต้องเสียภาษี 5-15%นั้นจะไม่กระทบต่อการลงทุนในกองทุน LTF-RMF ขณะเดียวกันการแข่งขันโปรดักต์ทางการเงินเพื่อการลดหย่อนภาษีนั้นก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป เช่นผู้เสียภาษีน้อยอาจจะไม่ได้ใช้กองทุนเป็นตัวลดหย่อนภาษี แต่อาจจะใช้วิธีการซื้อประกันชีวิตแทน เนื่องจากไม่อยากแบกรับความเสี่ยงจากการลงทุน ในขณะที่ผู้เสียภาษีตั้งแต่ 20-35% นั้นก็คงใช้สิทธิในการลดหย่อนภาษีเต็มจำนวน และการลงทุนในกองทุน LTF-RMF นั้นก็เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งในตัวช่วยเรื่องภาษี
ด้านนายนพพร บุญลาโภ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัททิพยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การปรับลดอัตราภาษีใหม่ถึงแม้ว่าจะทำให้คนที่ได้รับประโยชน์ไม่มีความจำเป็นต้องใช้สิทธิ์หักลดหย่อนภาษีนั้น เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจประกันชีวิตมากนัก เพราะยอดขายส่วนใหญ่ไม่ได้ผูกกับการหักลดหย่อนภาษีเท่านั้น ซึ่งการประกันชีวิตจะให้ความสำคัญด้านความคุ้มครองมากกว่า
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้กลุ่มคนที่ได้รับประโยชน์จะเป็นฐานส่วนใหญ่ของผู้มีรายได้ระดับกลาง แต่เชื่อคนกลุ่มนี้ปัจจุบันเริ่มมีความเข้าใจการทำประกันชีวิตมากขึ้นแล้ว และอาจมีความเป็นไปได้เช่นกันที่จะหันมาซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติม หลังจากมีเงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้นจากการปรับอัตราภาษีรายได้บุคคลธรรมดาใหม่ของภาครัฐ