คอลัมน์ชวนคนไทยใช้กองทุนรวม
โดย คุณอดิศักดิ์ พรหมบุญ
ผู้อำนวยการฝ่ายลงทุน
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ฟินันซ่า จำกัด
โทร. 0-2352-4050 http://www.finansa-asset.com
ปัจจัยในต่างประเทศ ได้แก่ การยกเลิกมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE Tapering) และปัญหาเพดานหนี้สหรัฐฯ (Debt Ceiling) หากมีแนวทางแก้ไขชัดเจนจะช่วยให้ราคาสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกโดยเฉพาะตลาดหุ้นผันผวนน้อยลง ส่วนปัจจัยในประเทศ ได้แก่ เสถียรภาพของรัฐบาล และการใช้จ่ายของภาครัฐ โดยเฉพาะประเด็น พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ทั้งสองปัจจัยจะมีผลกระทบในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ในระยะยาวปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุน ได้แก่ แนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตประมาณ 3-4% แม้จะไม่ร้อนแรงเหมือนในอดีตที่เติบโตมากกว่า 4% แต่ตลาดหุ้นไทยก็ยังให้ผลตอบแทนได้ดี ทั้งนี้ จากข้อมูลในอดีตย้อนหลัง 11 ปีที่ผ่านมาพบว่าหากลงทุนหุ้นในกลุ่ม SET50 จะให้ผลตอบแทนรวมเงินปันผลเฉลี่ย 15% ต่อปี
การลงทุนกับกองทุน RMF-LTF นอกจากผู้ลงทุนจะได้สิทธิประโยชน์จากการลดหย่อนภาษีแล้ว การลงทุนในกองทุนประเภท RMF-LTF นับเป็นการลงทุนในระยะยาวซึ่งจะช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาดหุ้นหรือสินทรัพย์ลงทุนอื่นๆ โดยเฉพาะกับผู้ลงทุนที่ไม่มีเวลาคอยติดตามหุ้นอย่างใกล้ชิด หรืออยู่นอกวงการตลาดทุนตลาดเงิน
ประเด็นสำคัญของการลงทุนในระยะยาว จะต้องมองข้ามความผันผวนของตลาดทุนซึ่งค่อนข้างผันผวนตามวัฏจักรเศรษฐกิจประมาณ 5-10 ปี แต่ประเด็นที่นักลงทุนควรให้ความสำคัญมากกว่าได้แก่ นโยบายการลงทุนของกองทุน ประเภทของกองทุนที่นักลงทุนจะเลือกนั้นว่าสามารถรับความเสี่ยงได้หรือไม่
ถ้าอายุผู้ลงทุนอายุยังน้อย ยังมีเวลาเก็บออมเงินอีกมาก แนะนำให้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในกองทุนหุ้น ส่วนคนอายุงานเหลือน้อย เช่นอีกประมาณ 5-10 ปีถึงเกษียณ ควรลดสัดส่วนการลงทุนในหุ้น และไปเพิ่มสัดส่วนของตราสารหนี้ พันธบัตร เงินฝากมากขึ้น อย่างไรก็ตาม องค์ประกอบของสถานภาพด้านรายได้ของแต่ละคนที่แตกต่าง ทำให้ความเต็มใจยอมรับความเสี่ยงไม่เท่ากัน
การลงทุนกับกองทุนหุ้นในระยะยาวเปรียบได้กับการซื้อธุรกิจซึ่งผลตอบแทนจะเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจไทย ส่วนกองทุนประเภทตราสารหนี้นั้นสร้างผลตอบแทนเพียงแค่รักษามูลค่าเงินไว้เท่านั้น ปัจจุบันประมาณ 3-4% ซึ่งใกล้เคียงกับภาวะเงินเฟ้อ ตรงนี้ผู้ลงทุนควรเทียบดูกับอัตราเงินเฟ้อสำหรับการจัดพอร์ตลงทุนด้วยถ้าต้องการสร้างเงินจากผลตอบแทนกองทุนให้ชนะเงินเฟ้อ
ผู้ลงทุนกับกองทุน RMF-LTF ควรรักษาสมดุลในการจัดพอร์ตลงทุนระหว่างตราสารหนี้ กับตราสารทุน หรือมีทองคำเพิ่มเข้ามาด้วย โดยผู้ลงทุนอาจจะปรับพอร์ตใหม่ให้สอดคล้องกับสถานภาพของตนเอง 5-10 ปีต่อครั้ง ส่วนผู้สูงอายุที่เหลือเวลา 5-10 ปี ก็ควรลดสัดส่วนของการถือตราสารหุ้น
ผู้ลงทุนควรจะวิเคราะห์ความสามารถในการรับความเสี่ยง (Risk Tolerance) และความเต็มใจรับความเสี่ยงของตนเอง (Risk Appetite) อย่างรอบคอบ ผู้ลงทุนที่อายุยังน้อย แม้สามารถรับความเสี่ยงได้สูงเพราะยังมีเวลาเก็บออมเงินและลงทุนอีกมาก แต่ไม่สามารถยอมรับผลตอบแทนที่ติดลบได้ในบางปี ควรลงทุนเฉพาะกองทุนตราสารหนี้ แต่หากสำหรับผู้ลงทุนที่อายุยังน้อย และสามารถยอมรับความเสี่ยงได้บ้าง ควรเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในกองทุนหุ้นเพราะให้ผลตอบแทนสูงกว่าในระยะยาว และช่วยให้ผลตอบแทนโดยรวมชนะเงินเฟ้อได้
พร้อมเตรียมพบกับ มหกรรม “ชวนคนไทย... มีใช้ตอนแก่ ด้วย LTF-RMF” เลือกลงทุน ลดภาษีกับ 18 บลจ.ชั้นนำ 19-22 ธันวาคมนี้ 10.00-20.00 น. ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ โซนอีเดน ชั้น 1