บลจ.เอ็มเอฟซีปลื้มกองทุนส่วนบุคคลปีนี้โต 43% เหตุผลงานบริหารกองทุนถูกใจลูกค้า ส่งผลให้นักลงทุนสนใจเข้ามาทำกองทุนเพิ่ม ล่าสุดเตรียมส่งกองทุนอสังหาฯ ไอพีโอเพิ่มอีก 3 กองทุนก่อนจบปีนี้
นางสาวประภา ปูรณโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงภาพรวมบริษัทในปีนี้ว่า สำหรับธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพนั้นเราก็ได้ลูกค้ารายใหญ่เพิ่มขึ้่น ส่วนกองทุนส่วนบุคคลก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนสถาบัน ส่งผลให้มี AUM เพิ่มขึ้นเกือบ 1 หมื่นล้านบาท จากประมาณ 2 หมื่นล้านบาท เพิ่มเป็นประมาณ 3 หมื่นล้านบาทในปีนี้ ซึ่งลักษณะของขนาดกองทุนส่วนบุคคลของ บลจ.เราจะไม่ใหญ่มาก แต่นักลงทุนจะมีการพูดแบบปากต่อปากชักชวนให้มาทำกองทุนส่วนบุคคลกับเรามากขึ้น ส่วนกองทุนรวมนั้นก็มีนักลงทุนเข้ามาลงทุนและรู้จักกองทุนรวมของเรามากขึ้นโดยเฉพาะกองทุนหุ้นและกองทุนผสม ซึ่งเราก็ได้รางวัลการรันตีมาหลายสถาบัน
ทั้งนี้ ข้อมูลสมาคมบริษัทจัดการลงทุน ณ สิ้นเดือน ต.ค.2556 บลจ.เอ็มเอฟซีมีกองทุนส่วนบุคคลภายใต้บริหารจำนวน 31,111.18 ล้านบาท ส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 6 หรือ 8.13% ซึ่งสินทรัพย์เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2555 จำนวน 9,354 ล้านบาท หรือ 43% จากที่มีสินทรัพย์ 31,756 ล้านบาท ปีนี้เราเติบโตค่อนข้างดีทั้ง 3 ธุรกิจ และเติบโตเกินเป้าหมายในปีนี้แล้ว ขณะเดียวกันผลการดำเนินงานของบริษัทก็เติบโตค่อนข้างมาก
สำหรับผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกปี 2556 บลจ.เอ็มเอฟซีมีกำไรสุทธิ 319.95 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 2.67 บาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิเพียง 95.26 ล้านบาท
นอกจากนี้ ในช่วงปลายปีเราจะมีกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติมอีก 3 กองทุนขนาดกองทุนประมาณ 8-9 พันล้าน ซึ่งจะเป็นกองทุนที่ลงทุนในโรงแรม 1 กอง และอีก 2 กองทุนจะเป็นการลงทุนในนิคมอุตสหกรรม สำหรับกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานนั้นทาง บลจ.ก็สนใจเช่นกันแต่เราไม่มีธนาคารเป็นช่องทางการจำหน่ายไปทั่วประเทศ ซึ่งหากจะตั้งกองทุนอินฟราฯ นั้นอาจจะต้องพิจารณาให้ขนาดเล็กลง สำหรับการออกกองทุนใหม่โดยเฉพาะกองทุนรวมต่างประเทศนั้นเราก็มีแพลนไว้เช่นกัน ซึ่งอาจจะเป็นกองทุนหุ้นต่างประเทศ หรือกองทุนตราสารหนี้ทั่วโลก
ทั้งนี้ ภาพรวมอุตสาหกรรมกองทุนในปีหน้าเราคาดว่าจะยังเติบโตต่อไปได้ ส่วนธุรกิจกองทุนของ บลจ.นั้นก็ยังเติบโตต่อเนื่องด้วยเช่นกัน เนื่องจากกองทุนยังให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝาก ขณะที่ธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพก็ยังเติบโตต่อเนื่องจากเงินสะสมและเงินสมทบจากนายจ้างและลูกจ้าง
ขณะเดียวกันเรามีโครงการจะขยายสาขาของ บลจ.เอ็มเอฟซีให้กระจายไปทั่วภูมิภาค ซึ่งหลังจากเราได้เปิดสาขาที่จังหวัดขอนแก่นปรากฏว่าได้รับผลตอบรับที่ดีจากนักลงทุนเป็นจำนวนมาก ซึ่งกองทุนส่วนใหญ่ที่นักลงทุนชื่นชอบคือกองทุนมันนีมาร์เกต และกองทุนLTF-RMF โดยเป้าหมายถัดไปคือเราจะเปิดสาขาที่จัดหวัดเชียงใหม่
นางสาวประภา กล่าวต่อว่า ในส่วนภาพรวมตลาดหุ้นไทยในปีนี้เรามองว่าดัชนีจะปิดที่ 1,468 จุด มีกำไรเติบโตประมาณ 4.6% ส่วนปี 2557 เรามองเป้าดัชนีไว้ที่ 1,676 จุด มีกำไรเติบโตประมาณ 14% โดยในส่วนนี้อาจจะมีกองทุนทริกเกอร์ออกมาดักทำกำไรได้บ้าง สำหรับประเด็นเศรษฐกิจที่ต้องจับตามองคือการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐและการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานอย่างไร รวมถึงตัวเลขการส่งออก การบริโภค การท่องเที่ยวว่าจะออกมาเป็นแบบไหน
