xs
xsm
sm
md
lg

กสิกรไทย-กรุงศรีชวนลงทุน พักเงินกองบอนด์หนีการเมือง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บลจ.กสิกรไทย-กรุงศรีพาเหรดออกกองบอนด์ลงทุนทั้งไทย-เทศ เปิดขายเพิ่มเติมหลังการเมืองระอุ กปปส.ยกระดับการชุมนุม ระบุเหมาะกับนักลงทุนความเสี่ยงต่ำ และหนีความผันผวนของตลาดหุ้นเพื่อรอสถานการณ์ชัดเจนก่อนลงทุนใหม่

นายนาวิน อินทรสมบัติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า ในวันที่ 20-26 พฤษภาคม 2557 บลจ.กสิกรไทยจะเสนอขายกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 6 เดือน บีวาย (KFI6MBY) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.60% ต่อปี กองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ 3 เดือน ดี (KEFI3MD) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.60% ต่อปี และกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน ดับบลิว (KEFF6MW) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.75% ต่อปี โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน และสำหรับผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี

“เนื่องจากสถานการณ์ตลาดโลกในช่วงนี้มีความผันผวนมาก โดยเฉพาะอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศที่มีความผันผวนส่งผลทำให้อัตราผลตอบแทนของกองทุนตราสารหนี้ที่เสนอขายในสัปดาห์นี้มีการปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ที่แล้ว ด้านสถานการณ์เศรษฐกิจภายในประเทศยังคงได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากสถานการณ์การเมืองที่ยังคงไม่มีทางออกและเริ่มกลับมาร้อนแรงมากขึ้น หลังจากมีข้อเสนอของวุฒิสภาเกี่ยวกับแนวทางการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีเฉพาะกิจเมื่อช่วงเย็นวันศุกร์ที่ผ่านมา ส่งผลทำให้ กปปส.ได้ตัดสินใจยกระดับการชุมนุมขึ้นในช่วงระหว่างวันที่ 22-26 พ.ค.นี้ เพื่อกดดันให้คณะรัฐมนตรีรักษาการลาออก เพื่อเปิดทางให้วุฒิสภาได้สรรหานายกฯ และรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มขึ้นมาบริหารประเทศ อย่างไรก็ตาม บลจ.กสิกรไทยแนะนำให้ผู้ลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้ต่ำ และต้องการหลีกเลี่ยงความผันผวนระยะสั้นจากการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง โดยเสนอทางเลือกให้ผู้ลงทุนสามารถเลือกพักเงินกับกองทุนตราสารหนี้แบบที่กำหนดอายุโครงการแน่นอน เพื่อรอดูสถานการณ์และประเมินทิศทางการลงทุนต่อไป” นายนาวินกล่าว

นายนาวินกล่าวต่อไปว่า สำหรับตราสารหนี้ที่กองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ 3 เดือน ดี (KEFI3MD) จะเข้าไปลงทุนในเบื้องต้นประกอบด้วยเงินฝาก PT Bank Danamon Indonesia Tbk เงินฝาก Akbank T.A.S., ประเทศตุรกี และตราสารหนี้ VakifBank, ประเทศตุรกี นอกจากนี้ยังลงทุนในตราสารหนี้ประเทศไทยของธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) และธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ด้านกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน ดับบลิว (KEFF6MW) จะลงทุนในเงินฝาก China Construction Bank Corporation เงินฝาก Akbank T.A.S., ประเทศตุรกี ร่วมด้วยตราสารหนี้ VakifBank ตราสารหนี้ Garanti Bank, ประเทศตุรกี และตราสารหนี้ Agricultural Bank of China โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และเป็นกองทุนที่เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มีสินทรัพย์ในการลงทุนสูงและสามารถยอมรับความเสี่ยงได้มากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน โดยผู้ลงทุนต้องลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำ 1,000,000 บาท

อย่างไรก็ตาม สำหรับนักลงทุนทั่วไปที่สามารถยอมรับความเสี่ยงได้ต่ำ แต่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าการลงทุนกับตราสารหนี้ภายในประเทศเพียงอย่างเดียว บลจ.กสิกรไทยขอแนะนำกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 6 เดือน บีวาย (KFI6MBY) โดยกองทุนดังกล่าวเบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนในเงินฝาก China Construction Bank Corporation เงินฝาก Bank of China ตราสารหนี้ ICBC (Asia) Ltd., ประเทศฮ่องกง นอกจากนี้ยังลงทุนในตราสารหนี้ประเทศไทยของธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) และธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) โดยตราสารที่กล่าวมามีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) และกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน ทั้งนี้ สำหรับกองทุน KFI6MBY ผู้ลงทุนสามารถลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท

นอกจากนี้ เพื่อตอบรับความต้องการสำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำมากและต้องการลงทุนระยะสั้นกับตราสารหนี้ในประเทศเป็นหลัก ในช่วงระยะเวลาดังกล่าว บลจ.กสิกรไทยยังเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค คุ้มครองเงินต้น ตราสารหนี้ไทย 3 เดือน ดีเอส (KPPTF3MDS) โดยกองทุนดังกล่าวจะเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย หรือพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย และบางส่วนในเงินฝากประจำ 3 เดือนของธนาคารภายในประเทศ ซึ่งจะให้โอกาสรับผลตอบแทนปลอดภาษีสำหรับลูกค้าบุคคลธรรมดาที่ 2.00% ต่อปี

ด้าน นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด หรือ KSAM เปิดเผยว่า “บริษัทอยู่ระหว่างการเปิดเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ 6M94(KFFIX6M94) อายุประมาณ 6 เดือน มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น เงินฝากธนาคาร China Construction Bank (สาธารณรัฐประชาชนจีน ฮ่องกง) สัดส่วนการลงทุน 20% เงินฝากธนาคาร Bank of China (สาธารณรัฐประชาชนจีน สาขามาเก๊า) สัดส่วนการลงทุน 20% ตราสารหนี้ EMTN ออกโดยธนาคาร Industrial and Commercial Bank of China (Asia) (สาธารณรัฐประชาชนจีน, ฮ่องกง) สัดส่วนการลงทุน 10%

ตราสารหนี้ EMTN ออกโดยธนาคาร Bank of East Asia (สาธารณรัฐประชาชนจีน, ฮ่องกง) สัดส่วนการลงทุน 10% ตราสารหนี้ EMTN ออกโดยธนาคาร Agricultural Bank of China (สาธารณรัฐประชาชนจีน, ฮ่องกง) สัดส่วนการลงทุน 10% ตราสารหนี้ระยะสั้นออกโดยธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) สัดส่วนการลงทุน 10% ตราสารหนี้ระยะสั้นออกโดยธนาคาร กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สัดส่วนการลงทุน 10% และตั๋วแลกเงินออกโดยบริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) สัดส่วนการลงทุน 10%

ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน โดยนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการขายคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติประมาณ 2.70% ต่อปี และหลังครบกำหนดอายุโครงการบริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติและสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนไปยังกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารเงิน (KFCASH) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงิน เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนต่อไป”

“ในส่วนของภาวะตลาดตราสารหนี้โลกนั้น ราคาตราสารหนี้ภาครัฐของสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น และอัตราผลตอบแทนปรับลดลงร้อยละ 0.0-0.12 โดยที่อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้อายุ 10 ปีลดลงแตะร้อยละ 2.50 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2556 ทางด้านยูโรโซน อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ที่ระดับต่ำที่ร้อยละ 0.7 ในเดือนเมษายน หลังจากอยู่ที่ร้อยละ 0.5 ในเดือนมีนาคม สำหรับจีดีพีของยูโรโซนในไตรมาสแรกของปีนี้โตร้อยละ 0.2 ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 0.4 โดยเศรษฐกิจเยอรมนีและสเปนขยายตัวมากกว่าที่คาด ในขณะที่เศรษฐกิจฝรั่งเศสทรงตัวและเศรษฐกิจอิตาลีกลับมาหดตัวอีกครั้ง ด้านจีดีพีของญี่ปุ่นในไตรมาสแรกขยายตัวจากไตรมาสก่อนหน้าร้อยละ 5.9 ต่อปี ซึ่งนับเป็นการขยายตัวมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2554 และโตมากกว่าที่ตลาดคาด โดยได้แรงหนุนจากการที่ผู้บริโภครีบจับจ่ายใช้สอยก่อนที่จะมีการขึ้นภาษีในเดือนเมษายน ในส่วนของภาวะตลาดตราสารหนี้ภายในประเทศ นักลงทุนให้การตอบรับการประมูลพันธบัตรรัฐบาลอายุ 25 ปี เป็นอย่างมาก ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับลดลงร้อยละ 0.00-0.09” นายฉัตรพีกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น