บลจ.เปิดขายกองทุนตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ ชูผลตอบแทบสูง แนะพักเงินลงทุนระยะสั้นในตราสารหนี้ รอดูสถานการณ์เศรษฐกิจและการเมือง
นายชัชชัย สฤษดิ์อภิรักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า จากสถานการณ์เศรษฐกิจไทยที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาทางการเมืองที่ยืดเยื้อนานกว่า 5 เดือน ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และส่งผลต่อตัวเลขภาคการบริโภคและการลงทุนที่ชะลอตัวลง บลจ.กสิกรไทยประเมินว่าธนาคารแห่งประเทศไทยยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่องที่ 2.00% หากสถานการณ์เศรษฐกิจยังไม่สามารถฟื้นตัวได้ ดังนั้น เพื่อสอดรับกับสถานการณ์ดังกล่าวจึงแนะนำให้ผู้ลงทุนที่ต้องการออมเงินระยะสั้นสามารถเลือกพักเงินกับกองทุนตราสารหนี้อายุโครงการประมาณ 3-6 เดือน เพื่อล็อกอัตราผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าการฝากเงินประจำ และเพื่อรอดูความชัดเจนของทิศทางเศรษฐกิจ
โดยในระหว่างวันที่ 22-28 เมษายน 2557 บลจ.กสิกรไทยเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน บีจี (KFF6MBG) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.80% ต่อปี กองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน เอส (KEFF6MS) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 3.00% ต่อปี และในวันที่ 22-23 เมษายน 2557 จะเสนอขายกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 3 เดือน โอ (KEFF3MO) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.90% ต่อปี โดยทุกกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน และสำหรับผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี
สำหรับกองทุน KEFF3MO จะเข้าไปลงทุนในเบื้องต้น ประกอบด้วยเงินฝาก PT Bank Danamon Indonesia Tbk เงินฝาก PT Bank Permata Tbk, ประเทศอินโดนีเชีย และตราสารหนี้ Garanti Bank, ประเทศตุรกี รวมด้วยตราสารหนี้ประเทศไทยของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด และตั๋วแลกเงินของบริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) ด้านกองทุน KEFF6MS เบื้องต้นจะเข้าลงทุนในเงินฝาก PT Bank Permata Tbk, ประเทศอินโดนีเชีย เงินฝาก Garanti Bank, ประเทศตุรกี รวมด้วยตราสารหนี้ ICBC (Asia) Ltd. และตราสารหนี้ China Construction Bank (Asia) Corporation, ประเทศฮ่องกง นอกจากนี้ยังลงทุนเพิ่มเติมในตราสารหนี้ BTG Investments LP ที่รับประกันโดย BTG Pactual Holding S.A., ประเทศบราซิล
นอกจากนี้ สำหรับนักลงทุนทั่วไปที่สามารถยอมรับความเสี่ยงได้ต่ำ บลจ.กสิกรไทยขอแนะนำกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน บีจี (KFF6MBG) เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้ลงทุน โดยกองทุนดังกล่าวเบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนในเงินฝาก China Construction Bank Corporation เงินฝาก Bank of China ตราสารหนี้ Agricultural Bank of China และตราสารหนี้ ICBC (Asia) Ltd., ประเทศฮ่องกง รวมทั้งยังลงทุนเพิ่มเติมในตั๋วแลกเงิน บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) โดยตราสารที่กล่าวมามีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) และกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน ทั้งนี้ สำหรับกองทุน KFF6MBG ผู้ลงทุนสามารถลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท
ขณะเดียวกัน ในระหว่างวันที่ 22-28 เมษายน 2557 บลจ.กสิกรไทยยังเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค คุ้มครองเงินต้น ตราสารหนี้ไทย 3 เดือน ดีคิว (KPPTF3MDQ) โดยกองทุนดังกล่าวจะเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย หรือพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย และบางส่วนในเงินฝากประจำ 3 เดือนของธนาคารภายในประเทศ ซึ่งจะให้โอกาสรับผลตอบแทนปลอดภาษีสำหรับลูกค้าบุคคลธรรมดาที่ 2.00% ต่อปี
นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยครึ่งปีแรกยังคงได้รับผลกระทบจากปัญหาทางการเมืองเป็นหลัก ส่งผลให้เกิดการชะลอตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานหลายๆ ตัวที่มีแนวโน้มอ่อนตัวลง ไม่ว่าจะเป็นการบริโภคของภาคเอกชน การบริโภคภาคครัวเรือน การลงทุนภาครัฐ แต่คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังเศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัวได้ โดยเฉพาะการส่งออกที่คาดว่าจะขยายตัวได้ตามเศรษฐกิจโลกอย่างต่อเนื่อง ขณะที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายคาดว่าจะยังคงทรงตัว
ทั้งนี้ บลจ.ธนชาตเปิดขายกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น ลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศจำนวน 3 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดธนชาต Fixed Income 6M57 (TFI6M57) อายุ 6 เดือน ให้ผลตอบแทนประมาณ 3.00% เริ่มเสนอขายครั้งแรก (IPO) 23-28 เมษายน 2557ส่วนกองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ 3 เดือน#5 (TFIX-3M#5) อายุ 3 เดือน ให้ผลตอบแทนประมาณ 2.50% รับคำสั่งซื้อ-ขายวันที่ 22-24 เมษายน 2557 และกองทุนเปิดธนชาตพันธบัตรรัฐคุ้มครองเงินต้น 3M4 (TGOV3M4) อายุ 3 เดือน ให้ผลตอบแทนประมาณ 1.95% รับคำสั่งซื้อ-ขายวันที่ 21-28 เมษายน 2557