xs
xsm
sm
md
lg

ธนชาตมองเทรนด์ ดบ.ขาลง ส่งกองบอนด์ลุยหุ้นกู้ชั้นดี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บลจ.ธนชาตประเมินแนวโน้มดอกเบี้ยยังอยู่ในเทรนด์ขาลง จับจังหวะส่งกองทุน “ธนชาตตราสารหนี้พลัส 1” ลงทุนหุ้นกู้ชั้นดีอายุ 5 ปี มองโอกาสรับผลตอบแทนมีสูงเฉลี่ยที่ 3.4-3.8% ต่อปี เปิดขายไอพีโอแล้วตั้งแต่วันนี้ถึง 8 เมษายนนี้

นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ธนชาต จำกัด กล่าวว่า เรามองเห็นโอกาสการลงทุนในตราสารหนี้โดยเฉพาะหุ้นกู้ช่วงอายุระหว่าง 3-7 ปี โดยเราประเมินว่าดอกเบี้ยนโยบายจะอยู่ในช่วงขาลง ซึ่งการลงทุนในตราสารหนี้ช่วงอายุ 3-7 ปีนั้นเป็นโอกาสที่ดี เราจึงส่งกองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้พลัส 1 อายุกองทุน 3 ปี ขนาดกองทุน 3,000 ล้านบาท เริ่้มขายไอพีโอระหว่าง 1-8 เมษายน 2557 โดยกองทุนนี้เป็นกองทุนตราสารหนี้ จะลงทุนในหุ้นกู้อายุ 3 5 และ 7 ปี สำหรับผลตอบแทนของกองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้พลัส 1 คาดว่าจะอยู่ที่ 3.4-3.8% ต่อปี โดยกองทุนดังกล่าวมี Auto Redeem ทุกๆ 6 เดือน

นายวิศิษฐ์ ชื่นรัตนกุล ผู้จัดการกองทุนอาวุโส บลจ.ธนชาต จำกัด กล่าวว่า ปัจจัยบวกที่ส่งผลดีต่อการลงทุนในตราสารหนี้นั้น ได้แก่ การที่เศรษฐกิจไทยชะลอตัวลงจากสถานการณ์ทางการเมือง ส่งผลให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 2557 น่าจะขยายตัวต่ำกว่า 2%

ขณะเดียวกัน คณะกรรมการนโยบายทางการเงินน่าจะต้องใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน คือ ดอกเบี้ยต่ำต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งน่าจะทำให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ระดับต่ำในอีก 1 ปีข้างหน้า ส่วนในปีที่ 2-3 อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มที่จะปรับเพิ่มขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไปตามการขยายตัวเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ดังนั้นการลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาวมีโอกาสให้อัตราผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น

ทางด้าน นายโชติช่วง ธีรขจรโชติ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บลจ.ธนชาต จำกัด กล่าวถึงภาพรวมของเศรษฐกิจไทยในช่วงนี้ว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจนั้นมาจากความเชื่อมั่นทางการเมืองรวมถึงประเด็นเรื่องนโยบายโครงการจำนำข้าวและรถยนต์คันแรก ขณะที่ภาคการลงทุนรัฐเองก็ชะลอตัวลงหลัง พ.ร.บ. 2 ล้านล้านบาทนั้นถูกศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าขัดรัฐธรรมนูญ

นอกจากนี้ ประเด็นเรื่องรัฐบาลรักษาการนั้นหากยืดยาวออกไปจะกระทบการเบิกจ่ายงบลงทุนขนาดใหญ่ทำไม่ได้รวมถึงมีความเสี่ยงต่อการจัดทำงบประมาณในปีถัดไป อย่างไรก็ตาม ภาคการส่งออกน่าจะดีขึ้นตามการเร่งตัวขึ้นของเศรษฐกิจโลก และประเทศคู่ค้า แต่การบริโภคภายในประเทศชะลอตัวลงตามความต้องการในประเทศที่อ่อนแอลง สำหรับปัจจัยภายนอกที่ต้องระวังนั้นก็คือการชะลอตัวลงมากเกินไปของเศรษฐกิจจีน ความเสี่ยงจากปัญหาการเมืองระหว่างประเทศ เช่น กรณี ยูเครน/ไครเมีย ยุโรป-สหรัฐฯ- รัสเซีย และความเสี่ยงจากการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจญี่ปุ่น หลังการขึ้นภาษีบริโภคจาก 5% เป็น 8%

“จากที่เราประเมินในขั้นต้น GDP ที่เรามองปีนี้น่าจะต่ำกว่า 2.7% โดยเราประเมินว่าน่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 1.7% จากปัญหาสถานการณ์การเมืองไทย แม้ว่าภาคการส่งออกจะขยับตัวดีขึ้นเล็กน้อย ส่วนในปี 2557 GDP ที่เราประเมินไว้อยู่ที่ประมาณ 3.8% ส่วนดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้น่าจะมีการปรับลดอีก 0.25% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ”นายโชติช่วงกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น